เอพี/รอยเตอร์/เดอะนิวยอร์กไทมส์ - ภายหลังจากผ่อนปรนมาตรการคุมเข้ม การแพร่ระบาดของโควิด-19 แดนมังกรยังอยู่ในภาวะที่ทางการสามารถควบคุมได้ โดยรัฐบาลเร่งขยายโรงพยาบาลสนาม เพิ่มเตียงผู้ป่วยภาวะวิกฤต หรือไอซียู เพื่อเตรียมรับมือกับ "คลื่นสึนามิผู้ติดเชื้อ" ในเร็วๆ นี้
คณะกรรมการสุขภาพแห่งจีนรายงานเมื่อวันจันทร์ (12 ธ.ค.) ว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เมื่อวาน จำนวน 8,838 คน ลดลงจาก 10,815 คน จากเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. โดยเป็นผู้ติดเชื้อแสดงอาการ 2,240 คน และไม่แสดงอาการ 6,598 คน จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมดเป็นผู้ติดเชื้อที่นำเข้ามาในประเทศ จำนวน 212 คน
แม้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ดังกล่าวมีจำนวนไม่ถึง 1 ใน 4 ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน ซึ่งพุ่งทำสถิติสูงสุดกว่า 4 หมื่นคนเมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เหล่านี้นับได้จากผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ เมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือเมื่อเข้าไปทำงานในสถานศึกษา และพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น
สถานการณ์การแพร่ระบาดโดยภาพรวมแล้วยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลจีนได้ผ่อนปรนมาตรการป้องกันและควบคุมอันเข้มงวดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีการยกเลิกบางมาตรการ เช่น การบังคับการตรวจหาเชื้อทุกวัน การกักตัวผู้ติดเชื้อในศูนย์ของทางการ การห้ามการเดินทาง หรือปิดธุรกิจห้างร้าน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เตรียมพร้อมรับมือกับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยเมื่อวันพฤหัสฯ (8 ธ.ค.) ได้สั่งการให้โรงพยาบาลทั่วประเทศขับคลื่อนการทำงานอย่างเต็มที่ เช่น เพิ่มบุคลากร ตลอดจนยาและเวชภัณฑ์ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถต่อสู้กับโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่คอยติดตามดูแลสุขภาพของประชาชนอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่รัฐมุ่งเน้นดูแลเป็นพิเศษ
ขณะนี้โรงพยาบาลในมณฑลต่างๆ กำลังเร่งยกระดับขีดความสามารถในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เช่น ที่มณฑลส่านซี ทางภาคตะวันตก ได้สำรองเตียงโรงพยาบาลจำนวน 22,000 เตียงสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 และพร้อมเพิ่มขีดความสามารถของไอซียูได้อีกร้อยละ 20 โดยการนำเตียงจากแผนกอื่นมาใช้
ผู้อำนวยการสำนักบริหารการแพทย์ของจีนระบุเมื่อวันศุกร์ (9 ธ.ค.) ว่า จีนมีเตียงสำหรับผู้ป่วยไอซียูทั้งหมด 138,000 เตียง หรือมีอัตราส่วนไม่ถึง 1 เตียงต่อประชาชน 1 หมื่นคน นอกจากนั้น ทรัพยากรด้านสาธารณสุขยังกระจายตัวอย่างไม่สมดุลกัน โดยเตียงโรงพยาบาลส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และเมืองอื่นๆ แถบชายฝั่งตะวันออกที่เจริญรุ่งเรือง
ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่ผ่านมา ทำให้จีนสามารถควบคุมอัตราการติดเชื้อให้อยู่ในระดับต่ำ และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดขึ้นครั้งแรกเมื่อเกือบ 3 ปีก่อนจนถึงขณะนี้เพียง 5,235 คน ตามตัวเลขของทางการ เปรียบเทียบกับสหรัฐฯ ซึ่งมียอดสะสมผู้เสียชีวิต 1 ล้าน 1 แสนคน แต่ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตอ่อนแอ และส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน จนเกิดเสียงร้องเรียนว่า ควบคุมเข้มงวดผิดมนุษย์มนา
การประท้วงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในหลายเมืองเมื่อปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลจีนต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการควบคุมป้องกัน เช่น ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งขณะนี้ได้ยกเลิกข้อจำกัดด้านการเดินทางและอื่นๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป และพยายามให้ชาวเมืองมีชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19 เหมือนอย่างในสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลก แต่ปรากฏว่า จากการสัมภาษณ์ผู้คนและรายงานในสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่า หลังการผ่อนคลายนโยบาย การแพร่ระบาดกลับเกิดมากขึ้นในภาคธุรกิจและสถานศึกษาทั่วประเทศ ร้านอาหารและบริษัทหลายแห่งต้องปิดทำการ เพราะลูกจ้างป่วยจำนวนมาก รวมทั้งศูนย์ตรวจหาเชื้อในเขตหนึ่งของกรุงปักกิ่งต้องปิดทำการชั่วคราวช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะเจ้าหน้าที่ติดเชื้อหมด
การปรับเปลี่ยนอย่างกะทันหันจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ มาเป็นการให้ประชาชนใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางคนคาดว่า จะเกิดสึนามิผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ภายในเวลาหนึ่งเดือน เมื่อประชาชนเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวทั่วประเทศในเทศกาลตรุษจีน
เฟิง จื่อเจียน ที่ปรึกษาในคณะทำงานชุดเฉพาะกิจด้านโควิด-19 ของจีน คาดว่า ผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 ของประชากร 1,400 ล้านคน หรือกว่า 840 ล้านคน
จีนกำลังเผชิญการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งติดเชื้อง่าย แต่อาการไม่รุนแรงเหมือนอีกหลายชาติ แต่เนื่องจากที่ผ่านมา จีนเน้นการล็อกดาวน์มากกว่าการฉีดวัคซีนให้ประชาชน และการเตรียมตัวประชาชนให้ใช้ชีวิตร่วมกับโควิด จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงจึงเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้นับจากนี้ โดยจิน ต่ง เหยี่ยน ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงระบุว่า คลื่นสึนามิผู้ติดเชื้อโควิด-19 กำลังจะมา ไม่ว่าจีนจะยังคงดำเนินนโยบายโควิดเป็นศูนย์หรือไม่ก็ตาม