โกลบอลไทมส์/เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ - ผู้นำสหภาพยุโรป หรืออียู ไปหารือกับผู้นำจีนถึงแดนมังกร ยืนยันจีนเป็นหุ้นส่วนสำคัญของอียู อีกฝ่ายชี้การคบหากันต้องคำนึงถึงภาพรวมทางยุทธศาสตร์ในระยะยาว
นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป (European Council) พบหารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันพฤหัสฯ (1 ธ.ค.) ในการประชุมอย่างเป็นทางการร่วมกันครั้งแรกระหว่างผู้นำอียูกับจีน หลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสี จิ้นผิง ได้เป็นผู้นำจีนต่อสมัยที่ 3
มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะกัน 3 ชั่วโมงในหลายประเด็น รวมทั้งประเด็นไต้หวัน ฮ่องกง และปัญหาภาวะโลกร้อน ผู้นำทั้งสองให้คำมั่นว่า จะรักษาการพูดคุยติดต่อสื่อสารระหว่างกันเอาไว้ในท่ามกลางวิกฤตการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นขณะนี้
สี จิ้นผิง บอกกับนายมิเชล ว่า จีนไม่เคยและไม่ปรารถนาการแสวงหาความเป็นเจ้าโลก อียูควรคำนึงถึงภาพรวมทางยุทธศาสตร์ในระยะยาวในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยให้มองอย่างครอบคลุมทุกด้านที่เป็นปัจจัยสำคัญ เช่น โอกาสด้านการค้าการลงทุน ความได้เปรียบด้านการแข่งขัน และการจัดหาทรัพยากร โดยยุโรปเป็นหุ้นส่วนการค้าที่สำคัญของจีน ซึ่งยังคงเปิดรับบริษัทยุโรป แต่ก็หวังว่ายุโรปจะเลิกแทรกแซงจีน อีกทั้งสร้างบรรยากาศทางธุรกิจที่ยุติธรรมและโปร่งใสสำหรับบริษัทแดนมังกร
นอกจากนั้น ผู้นำจีนยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันต่อต้านการกีดกันทางการค้าและแนวคิดการตัดขาดกันทางเศรษฐกิจ หรือการนำเรื่องการค้า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเป็นอาวุธต่อสู้ทางการเมือง เพื่อสร้างเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรม
ด้านนายมิเชล ระบุว่า ผู้นำชาติสมาชิกอียูมองว่าการปรับสมดุลความสัมพันธ์ด้านการค้ากับจีนถือเป็นเรื่องใหญ่ อียูกำลังแสวงหาความเป็นอิสระเชิงยุทธศาสตร์ (strategic autonomy) และถือว่าจีนเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการสนับสนุนระบบพหุภาคี โดยอียูยึดมั่นต่อหลักการประเทศจีนเดียว และจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของจีน อีกทั้งยินดีเจรจาโดยตรงให้มากขึ้นเพื่อลดความเข้าใจผิดกัน
นายมิเชล ขอให้จีนออกแรงใช้อิทธิพลที่มีต่อรัสเซีย ยุติสงครามในยูเครน อย่างที่เคยเรียกร้องในการประชุมสุดยอดอียู-จีนเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ตอบว่า การแก้ไขวิกฤตยูเครนด้วยวิถีทางการเมืองจะมีประโยชน์สูงสุดสำหรับยุโรปและเป็นประโยชน์ร่วมกันสำหรับทุกชาติในยูเรเซีย จีนพร้อมสนับสนุนอียูเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย ผู้นำทั้งสองยังคัดค้านการข่มขู่ด้วยอาวุธนิวเคลียร์
นายมิเชล ยังถูกสมาชิกรัฐสภาอียูและนักการทูตกดดันให้หยิบยกปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีนขึ้นมาหารือกับสี จิ้นผิง พร้อมกับได้แสดงความวิตกกังวลกรณีทางการจีนจัดการกับผู้ชุมนุมประท้วงมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เพิ่งเกิดขึ้นในหลายเมืองก่อนหน้านายมิเชลมาเยือนไม่กี่วัน
ภายหลังการหารือ นายมิเชลได้ร่วมไว้อาลัยอดีตประธานาธิบดี เจียง เจ๋อหมิน ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันพุธ (30 พ.ย.) สี จิ้นผิง กล่าวว่า อดีตประธานาธิบดีเจียงคือผู้ผลักดันให้มีการริเริ่มการเจรจาระหว่างผู้นำอียูกับจีน นอกจากนั้น นายมิเชลยังได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง และนาย ลี่ จ้านซู ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติ ก่อนบุคคลทั้งสองจะพ้นวาระการดำรงตำแหน่ง
ทั้งนี้ คณะมนตรียุโรปเป็นสถาบันหลักหนึ่งของอียู ทำหน้าที่เป็นเวทีการการประชุมของผู้นำชาติสมาชิกอียู ประธานคณะมนตรียุโรปมาเยือนกรุงปักกิ่ง ทิ้งช่วงห่างกันไม่ถึง 1 เดือนที่นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรปเพิ่งมาเยือนและได้พบหารือกับประธานาธิบดีสี
ในมุมมองของนักวิเคราะห์แดนมังกร การมาเยือนของนายมิเชล มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในช่วงที่นโยบายด้านการต่างประเทศของอียูได้เดินมาถึงทางแยกระหว่างการเผชิญหน้า หรือการร่วมมือกับจีน หลังจากผู้นำชาติสมาชิกอียูทั้ง 27 ชาติเพิ่งถกเถียงกันเรื่องการวางยุทธศาสตร์เกี่ยวกับจีนเมื่อ 1 เดือนก่อน
การมาเยือนครั้งนี้ส่งสัญญาณว่าอียูจะไม่เดินตามก้นสหรัฐฯ แต่จะปฏิบัติต่อจีนตามแนวทางของตนเอง โดยสหรัฐฯ ต้องการให้อียูร่วมมือจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงแก่จีน และกำลังกดดันด้วยการเสนอให้เงินอุดหนุนด้านอุตสาหกรรมและมาตรการจูงใจอื่นๆ แก่บริษัทเทคโนโลยีของยุโรป เช่น บริษัท ASML ของเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้หยุดขายเครื่องมือผลิตชิปแก่จีน
