รอยเตอร์/โกลบอลไทมส์ - การปราชัยหมดรูปของพรรคการเมืองภายใต้การนำของประธานาธิบดี “ไช่ อิงเหวิน” ในการเลือกตั้งท้องถิ่นไต้หวันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาะมังกรน้อยในปี 2567 ถูกจับตามองในทันที
พรรคชาตินิยมจีน หรือพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ คว้าชัยชนะอย่างง่ายดายในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมือง และหัวหน้าเทศมณฑล โดยได้ 13 ที่นั่ง จากทั้งหมด 21 ที่นั่ง ซึ่งรวมทั้งเก้าอี้นายกเทศมนตรีกรุงไทเป ที่นายเจี่ยง ว่านอัน เหลนวัย 43 ปี ของเจียง ไคเช็ก ประธานาธิบดีคนแรกของไต้หวัน ได้ชัยชนะไปตามความคาดหมาย
ผู้ชนะการเลือกตั้งจาก KMT เหล่านี้ไม่ปรากฏว่ามีใครพูดถึงนโยบายเกี่ยวกับจีนออกมาตรงๆ ระหว่างการหาเสียง
ในขณะที่ประธานาธิบดีไช่ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือ DPP วิงวอนให้ประชาชนเลือกผู้สมัครจาก DPP เพื่อไม่ให้พรรคต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้งท้องถิ่นซ้ำรอยกับเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งไช่ อ้างว่าจีนพยายามนำการปราชัยครั้งนั้นมาบีบให้ไต้หวันยอมก้มหัว โดยไช่ ตีกรอบการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ให้เป็นการแสดงพลังของชาวมังกรน้อยในการต่อต้านจีน ท่ามกลางความขัดแย้งที่นับวันรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากจีนซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้อยู่ในอำนาจต่อเป็นสมัยที่ 3
จนถึงขณะนี้ปักกิ่งไม่ปฏิเสธการใช้กำลังทหารเข้าผนวกเกาะไต้หวัน ซึ่งเป็นมณฑลหนึ่งของจีน ทำให้เกิดความวิตกกังวลขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงบทบาทของไต้หวันในฐานะผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก
ตามปกติแล้ว KMT มีนโยบายผูกมิตรกับจีน แต่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเรื่องที่จะไปสวามิภักดิ์ปักกิ่ง แต่หลังจาก KMT พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2563 ก็ต้องยอมรับว่า ความนิยมในพรรค DPP ของชาวไต้หวันมาแรงกว่า
นายอีริก ฉู่ ( Eric Chu) ประธานพรรค KMT พูดถึงชัยชนะครั้งนี้ว่า ชาวไต้หวันได้ให้โอกาสแก่เรา และทางพรรคเข้าใจดีว่า ด้วยการรวมเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นจึงทำให้ได้รับชัยชนะ การไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวจะเป็นเพียงโอกาสเดียวที่จะทำให้ KMT สามารถชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2567
ด้านประธานาธิบดีไช่ ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานพรรค DPP ภายหลังการปราชัย และยุทธศาสตร์ในการปลุกระดมผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งของตนล้มเหลว
จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังต่ำเป็นประวัติการณ์เพียงร้อยละ 59 ในเมืองสำคัญที่สุด 6 เมือง ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไต้หวันเองระบุว่า จีนเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งน้อยลง ซึ่งอาจเนื่องด้วยปัญหาภายในของจีนเอง เช่น เหตุประท้วงวุ่นวายจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ในขณะนี้ หรืออาจเพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์
ทั้งนี้ KMT รณรงค์หาเสียงโดยมุ่งประเด็น เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลจนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงในปีนี้ ตลอดจนปัญหาราคาสินค้าพุ่งสูง
ในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ ลิเบอร์ตี้ ไทมส์ ซึ่งสนับสนุนพรรค DPP เมื่อวันอาทิตย์ (28 พ.ย.) ระบุว่า การนำความคิดทางการเมืองซึ่งเป็นนามธรรมมากระตุ้นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่ทำได้ยากขึ้น พร้อมกับเตือนว่า DPP อาจเสียงแตกในการตัดสินใจว่าจะส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี สืบต่อจากไช่ ซึ่งลงเลือกตั้งครบ 2 สมัยตามรัฐธรรมนูญกำหนดแล้ว
ด้านนักวิเคราะห์ของจีนชี้ว่า การพ่ายแพ้ซ้ำรอยเดิมเมื่อ 4 ปีก่อน โดยพรรค DPP สูญเสียที่นั่งในเมืองสำคัญๆ อย่างไทเป เถ้าหยวน และซินจู สะท้อนให้เห็นว่า ชาวไต้หวันห่วงปัญหาปากท้องและต้องการอยู่อย่างสงบสุข มากกว่าสนใจเรื่องความขัดแย้งกับจีน การนำภัยคุกคามจากจีนมาพนันขันต่อในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้จึงถูกประชาชนตีกลับ