รายชื่อผู้ใจบุญสุนทานจีนประจำปี 2565 ของหูรุ่น (Hurun China Philanthropy List 2022) เปิดเผยว่า 3 มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนบริจาคเงินกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 7 หมื่นล้านบาท) เพื่อการกุศลในปีที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 - ส.ค. 2565 มีผู้บริจาคเงินมากกว่า 100 ล้านหยวน (500 ล้านบาท) รวม 49 ราย รวมเงินบริจาครวมเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 แสนล้านบาท) โดยผู้ใจบุญ 10 อันดับแรกของจีน บริจาคเงินร้อยละ 6.3 ของความมั่งคั่งทั้งหมดของพวกเขา รวมประมาณ 8,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.1 แสนล้านบาท)
นายหลิว เฉียงตง มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง JD.com ซึ่งเป็นคนที่รวยที่สุดอันดับที่ 149 ของโลก มีมูลค่าสุทธิประมาณ 1.18 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.2 แสนล้านบาท) ตามรายงานของ Forbes ได้บริจาคหุ้นจำนวน 62.38 ล้านหุ้นของ JD.com ให้กับมูลนิธิการกุศล ตามรายงานที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ เมื่อเดือน ก.พ. 2565
นายหวัง ซิง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ บริษัทเหม่ยถวน (Meituan) ซึ่งมีทรัพย์สินมูลค่า 8,900 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.1 แสนล้านบาท) ตามข้อมูลของ Forbes โอนหุ้น Meituan จำนวน 57 ล้านหุ้น หรือราวหนึ่งในสิบของสัดส่วนการถือหุ้นในบริการจัดส่งอาหารที่โดดเด่นของจีน ให้กับมูลนิธิการกุศลของเขาเองในเดือน มิ.ย 2564 เพื่อส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกมองว่ามากจากแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลต่อบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เพื่อรองรับการพัฒนาสังคมและวาระแห่งชาติ
ในขณะที่นายเหลย จวิน ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของผู้ผลิตสมาร์ทโฟน เสียวหมี่ (Xiaomi) ซึ่งเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอันดับที่ 214 ด้วยมูลค่าสุทธิ 8,900 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.1 แสนล้านบาท) ได้บริจาคหุ้นของบริษัท 308 ล้านหุ้นให้กับมูลนิธิเสียวหมี่ และมูลนิธิเหลยจวิน ในเดือน ก.ค. 2564 ตามเอกสารของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
รายงานระบุว่ามหาเศรษฐีนิยมบริจาคเงินเพื่อการศึกษาเป็นอันดับแรก การบรรเทาสาธารณภัยมาเป็นอันดับสอง โดยผู้ใจบุญ 28 เปอร์เซ็นต์ในรายชื่อบริจาคเพื่อการกุศลได้บริจาคให้กับการบรรเทาผลจากพายุฝนที่พัดถล่มในมณฑลเหอหนานและซานซีของจีนเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เรียกร้องให้เกิด “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” (common properity) หลายครั้ง เพื่อลดช่องว่างระหว่างคนร่ำรวยมหาศาลกับคนยากจนในชนบท “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” ได้กลายเป็นวลีติดปาก หมายถึงความมั่งคั่งที่มีร่วมกันโดยทุกคนทั้งในแง่วัตถุและวัฒนธรรม ไม่ใช่ความเจริญรุ่งเรืองเพียงไม่กี่คน โดยจะผลักดันการกระจายความมั่งคั่งที่เท่าเทียมอย่างแท้จริง และควรก้าวหน้าไปทีละขั้น
ที่มา เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์