xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำจีนเรียกร้องเอกภาพของประชาคมโลกบนเวทีซัมมิตจี20

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนเดินเข้าสู่ที่ประชุมผู้นำจี20 บนเกาะบาหลี ของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2565 - ภาพซินหัว
โกลบอลไทมส์ / ซินหัว - ผู้นำจีนเรียกร้องนานาประเทศเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในยามที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาท้าทายนานัปการ ในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมผู้นำจี 20 ที่บาหลี ด้านนักวิเคราะห์ชี้ การพบปะระหว่างผู้นำจีนกับบรรดาผู้นำโลก บ่งบอกว่า บทบาทของจีนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ในพิธีเปิดการประชุมผู้นำกลุ่มชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ หรือจี 20 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันอังคาร (15 พ.ย.) ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน กล่าวสุนทรพจน์ชื่อ “การทำงานร่วมกัน เพื่อเผชิญกับปัญหาท้าทายในยุคสมัยของเราและเพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้น” (Working Together to Meet the Challenges of Our Times and Build a Better Future ) ว่า เรากำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่สำคัญยิ่งอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหนึ่งศตวรรษ การเปลี่ยนแปลงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโลกและประวัติศาสตร์ ดังนั้น ประชาคมโลกจึงควรมีความสมัครสมานสามัคคีกัน แทนการแบ่งแยก เพื่อรับมือกับปัญหานานัปการ เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งยังทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในที่ต่างๆ เศรษฐกิจโลก ซึ่งมีภาวะเปราะบางมากขึ้น สถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงตึงเครียด วิกฤตด้านพลังงาน และอาหาร ตลอดจนการขาดแคลนหลักธรรมาภิบาลในระดับโลกอย่างรุนแรง เพื่อก้าวข้ามอุปสรรค และมีการพัฒนา เพื่อสร้างเสถียรภาพ สันติภาพ ความเจริญรุ่งเรืองและอนาคตที่ดีร่วมกัน 

 สี จิ้นผิงย้ำว่า ชาติจี20 ควรยึดมั่นต่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งกลุ่ม ซึ่งได้แก่เอกภาพและความร่วมมือ ตลอดจนหลักการฉันทมติ

นอกจากนั้น ผู้นำจีนยังระบุถึงแผนริเริ่มการพัฒนาโลก (Global Development Initiative - GDI) และการจัดตั้งกองทุนการพัฒนาโลกและความร่วมมือใต้-ใต้ (Global Development and South-South Cooperation Fund) ของรัฐบาลจีน โดยให้คำมั่นว่า จีนจะเพิ่มการระดมทุนสำหรับกองทุนสันติภาพและการพัฒนาระหว่างจีนกับสหประชาชาติ ตลอดจนทำงานร่วมกับองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับ GDI ซึ่งเป็นการสร้างแรงผลักดันใหม่ เพื่อทำให้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 ที่สมาชิกสหประชาชาติ 193 ประเทศร่วมลงนามรับรองได้บรรลุผล

ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส (ซ้าย) พบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน นอกรอบการประชุมผู้นำจี20 เมื่อวันอังคาร (15 พ.ย.2565) บนเกาะบาหลี ของอินโดนีเซีย - ภาพเอเอฟพี
ทั้งนี้ สี จิ้นผิง ยังได้มีการพบปะและประชุมร่วมกับผู้นำหลายชาตินอกรอบการประชุมสุดยอดจี 20 ได้แก่ ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรี มาร์ก รึตเตอ แห่งเนเธอร์แลนด์ ประธานาธิบดี ไซริล รามาโฟซา แห่งแอฟริกาใต้ นายกรัฐมนตรีแอนโทนี แอลบานีส แห่งออสเตรเลีย ประธานาธิบดี มากี ซาล แห่งเซเนกัล ประธานาธิบดี ยุน ซ็อก ย็อล แห่งเกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีเปโดร ซันเชส แห่งสเปน และประธานาธิบดีอัลเบร์โต เฟอร์นันเดซ แห่งอาร์เจนตินา

บรรดาผู้เชี่ยวชาญแดนมังกรชี้ว่า การพบปะหารือดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินศิลปะทางการทูตที่มีหลายแง่มุมของจีน และอิทธิพลที่จีนมีมากขึ้นในการดำเนินกิจการระหว่างประเทศ


นับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำสูงสุดของจีน มีการพบปะตัวต่อตัวกับผู้นำต่างประเทศอย่างเข้มข้น หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า จีนได้รับการต้อนรับอย่างกว้างขวางและเป็นที่รอคอย บนเวทีการประชุมระดับโลก โดยชั้นเชิงทางการทูตของชาติรายใหญ่อย่างจีนเป็นที่จับตามองในการเวทีซัมมิตจี20 ครั้งนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น