นักวิเคราะห์มองว่า การเจรจาระหว่างชาติ “สามเหลี่ยมลิเทียม” ในทวีปอเมริกาใต้ คืออาร์เจนตินา ชิลี และโบลิเวีย เพื่อจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรกำหนดราคาและปริมาณการผลิตลิเทียม ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการครอบครองตลาดลิเทียมในโลกของจีนได้
ลิเทียม ซึ่งได้ชี่อว่า ทองคำขาว เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า การแข่งขันการผลิตและครอบครองลิเทียมในโลกขณะนี้กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น เพราะมันคือทรัพยากรหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนโลกแห่งอนาคตที่ไร้มลพิษจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา สื่อในอเมริกาใต้รายงานว่า มีการเจรจาระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของชาติทั้งสาม เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกลุ่มความร่วมมือดังกล่าว บรรดานักสังเกตการณ์คาดว่า นี่อาจเป็นการจัดตั้งในลักษณะเดียวกับองค์การชาติผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) 13 ชาติ ซึ่งมีบทบาทในการกำหนดราคาและกำลังการผลิตน้ำมันออกสู่ตลาดโลก
จากการประเมินของสำนักสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ชาติ “สามเหลี่ยมลิเทียม” มีแหล่งแร่ลิเทียม ที่ค้นพบแล้วรวมกันราวร้อยละ 56 ของโลก โดยอาร์เจนตินาและชิลีมีกำลังการผลิตรวมกันราวร้อยละ 32 ของกำลังการผลิตในโลก ส่วนโบลิเวียเชื่อกันว่าเป็นแหล่งแร่ลิเทียมขนาดใหญ่ที่สุด แต่ยังไม่สามารถผลิตได้เอง
นักวิเคราะห์ของลักซ์รีเสิร์ช ( Lux Research) บริษัทวิจัยนวัตกรรมที่ยั่งยืนมองว่า องค์การชาติลิเทียมนี้คงไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะสั่นคลอนจีนในฐานะผู้ควบคุมห่วงโซ่อุปทานด้านนี้ได้ เมื่อดูจากในปัจจุบันที่แร่ลิเทียมดิบส่วนใหญ่ในโลกยังต้องผ่านการสกัดในจีนก่อน จึงจะสามารถนำไปใช้สำหรับการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ เช่น สกัดเป็นลิเทียมคาร์บอเนต หรือลิเทียมไฮดรอกไซด์
จากข้อมูลของบริษัทวิจัยเกรฟคัลดราโกโนมิกส์ (Gavekal Dragonomics) แม้คาดกันว่าจีนอาจมีแหล่งแร่ลิเทียมไม่ถึงร้อยละ 6 ในโลก แต่จีนก็ควบคุมกำลังการสกัดมากกว่าร้อยละ 60 ขณะที่บริษัทวิจัยบลูมเบิร์กเนฟ (BloombergNEF) พบว่า จีนเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนมากถึงร้อยละ 80 ในโลก
นายคริส เบอร์รี ประธานและผู้ก่อตั้งเมาน์เทนเฮาส์พาร์ตเนอร์ส (Mountain House Partners) บริษัทที่ปรึกษา ซึ่งเชี่ยวชาญด้านโลหะพลังงานเชื่อว่าโครงการลงทุนด้านลิเทียมของจีนที่มีอยู่ทั่วโลก จะทำให้จีนมีอำนาจต่อรองในการเจรจาอย่างแน่นอน เพียงแต่การจัดตั้งกลุ่มแบบโอเปกจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นายมาร์ติน แจ็กสัน นักวิเคราะห์อาวุโสด้านลิเทียมของครูกรุ๊ป (CRU Group) เตือนว่า ขณะนี้หลายประเทศกำลังเพิ่มการสำรวจและการสกัดแร่ลิเทียม โดยในปี 2564 มีบริษัทผลิตลิเทียมจำนวน 29 ราย และคาดว่าจำนวนจะเพิ่มถึง 60 รายภายในปี 2567 ห่วงโซ่อุปทานลิเทียมจึงกำลังมีการกระจายตัวในอัตรามหาศาล ประกอบกับความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งทำให้ชาติตะวันตกต้องประเมินการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานของจีนกันใหม่ ดังนั้น จีนอาจสูญเสียบัลลังก์ผู้นำด้านห่วงโซ่อุปทานลิเทียมในอนาคตได้
ถึงกระนั้นนักวิเคราะห์ของลักซ์รีเสิร์ชก็เชื่อว่า ในระยะเวลาอันใกล้จีนจะยังครอบครองห่วงโซ่อุปทานอยู่ และอีกนานเป็น 10 ปีกว่าที่เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสฯ (3 พ.ย.) รัฐบาลแคนาดามีคำสั่งให้เทียนฉือ และกานเฟิง 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านลิเทียมในโลกของรัฐบาลจีน ถอนตัวจากการลงทุนร่วมกับบริษัทเหมืองแร่ของแคนาดา 3 ราย โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
ข้อมูลจาก "China's lithium hold won't be undercut by Opec-style cartel as Argentina, Chile, Bolivia consider alliance" ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์