โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล นักวิชาการอิสระ
ในช่วงนี้ผู้เขียนเห็นประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับสินค้าประเภทเครื่องกันหนาวของจีนในแบบต่างๆ มีออเดอร์ส่งออกไปยังประเทศแถบยุโรปมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้ “ภาคธุรกิจผู้ประกอบการจีน” เฮลั่นและโกยกันถ้วนหน้า ออเดอร์สินค้าประเภทเครื่องกันหนาวจีนที่พุ่งสูงนี้เกิดจาก “วิกฤตพลังงานในยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน” ราคาต้นทุนพลังงานของยุโรปสูงขึ้นพรวดพราด กอปรกับปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยมาก่อนหน้าตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาด ทำให้ยุโรปมีความเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของวิกฤตพลังงานค่าครองชีพพุ่งสูง คนตกงาน ที่สร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลในประเทศแถบยุโรปมหาศาล
จากเหตุการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้รัสเซียลดและหยุดการส่งออกทรัพยากรธรรมชาติไปยังยุโรป
ยุโรปเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก แต่ทรัพยากรด้านพลังงานที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการบริโภค และที่ผ่านมาต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ อย่างเช่นในปี 2021 ยุโรปสามารถผลิตน้ำมันดิบได้เองเพียง 16,000 ล้านตันในขณะที่ปริมาณการใช้จริงคือ 63,700 ล้านตัน น้ำมันดิบยุโรปต้องนำเข้าจากต่างประเทศมากกว่า 74.9% และในด้านของก๊าซธรรมชาติยุโรปสามารถผลิตเองได้ 2 แสนล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่การใช้จริงมีมากกว่า 5.7 แสนล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ยุโรปต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติกว่า 63% โดยรวมแล้วยุโรปต้องมีการนำเข้าทรัพยากรด้านพลังงานมากว่า 60% และหากว่าเป็นภาวะปกติก่อนเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยุโรปมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมากกว่า 40% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด
ช่วงปลายปีตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นไปของทุกปีเป็นช่วงที่ประเทศทางตอนเหนือของซีกโลกเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว และเมื่อเข้าถึงฤดูหนาวความต้องการใช้พลังงานของยุโรปจะเพิ่มมากขึ้น โดยสถานการณ์การใช้ก๊าซธรรมชาติของยุโรป 27 ประเทศในแต่ละปี ดังกราฟต่อไปนี้
*จากตารางดังกล่าวจะเห็นว่าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมีความสำคัญต่อยุโรปมาก และในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยุโรปหมายเลขที่หนึ่งเกิดจุดรั่วขนาดใหญ่ต้องปิดซ่อมอย่างไม่มีกำหนดว่าเมื่อใดจะซ่อมเสร็จและกลับมาใช้งานปกติได้ ทำให้การส่งก๊าซธรรมชาติของรัสเซียไปยังยุโรปต้องหยุดชะงักไปโดยปริยาย ขณะที่หลายคนชี้ว่าการที่รัสเซียชะลอส่งก๊าซให้ยุโรปเป็นการตอบโต้ทางอ้อมต่อเรื่องที่ยุโรปแสดงท่าทีสนับสนุนยูเครน
ในเมื่อวิกฤตพลังงานเกิดขึ้นพร้อมกับฤดูหนาวที่กำลังมาถึง ชาวยุโรปจึงต้องหาวิธี หาอุปกรณ์เพื่อความอบอุ่นและผ่านฤดูหนาวปีนี้ไปให้ได้ มีประเทศหนึ่งที่ได้รับประโยชน์ทางการค้าและอานิสงส์จากวิกฤตพลังงานในยุโรปนี้ไปเต็มๆ คือ “จีน” สื่อจีนมีการนำเสนอข่าวสินค้ากันหนาวขายดีในยุโรปกันอย่างครึกโครม โดยมีสินค้ากันหนาวจีน 8 ประเภทที่ขายดีในยุโรป ได้แก่ เสื้อกางเกงกันหนาว ชุดนอนผ้าสักหลาด กระเป๋าน้ำร้อน ชุดชั้นในกันหนาว ถุงสอดมือกันหนาว ผ้าห่มและเสื้อขนเป็ด ที่ปูที่นอนไฟฟ้า (เสียบปลั๊กไฟเพิ่มความร้อนแล้วนอนบนนั้นให้ร่างกายอบอุ่น) และกางเกงเลกกิ้งกันหนาว (กางเกงกระชับเข้ารูปขายาวแบบหนาด้านในมีขนสักหลาดเพิ่มความอุ่น สามารถใส่ชั้นเดียวได้เลย)
โดยตั้งแต่ก่อนเดือน ต.ค.แนวโน้มยอดขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในฤดูหนาวจีน อย่างพวกพัดลมฮีทเตอร์ ที่ปูที่นอนไฟฟ้า มียอดขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3 เท่า และอุปกรณ์กันหนาวประเภทอื่นอย่างเสื้อกางเกงกันหนาว ชุดนอนผ้าสักหลาด กระเป๋าน้ำร้อน ชุดชั้นในกันหนาว ถุงสอดมือเพิ่มความร้อน ผ้าห่มและเสื้อขนเป็ด มียอดขายทะลุสถิติ เพิ่มขึ้นกว่า 200-250% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับยอดสั่งซื้อที่มากที่สุดจากประเทศในยุโรป 3 อันดับแรกมาจาก ฮอลแลนด์ เยอรมนี และฝรั่งเศส
โรงงานผลิตสินค้าและอุปกรณ์กันหนาวในจีนในช่วงเดือน ก.ย.ถึง ต.ค. เพียงแค่เดือนกว่ามียอดสั่งซื้อจากยุโรปรวมกว่า 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยอดสั่งซื้อหลายโรงงานลูกค้าต้องต่อคิวรอ สินค้าจีนที่คนจีนใช้กันหน้าหนาวกลายเป็น “Must have items” สำหรับชาวยุโรปในยามวิกฤตพลังงานและค่าครองชีพแพง คนยุโรปโดยทั่วไปไม่คุ้นเคยกับการใส่ชุดซับในหนาๆ ในหน้าหนาว อย่างเช่นกระเป๋าน้ำร้อนก็ไม่ใช่สิ่งที่ชาวยุโรปใช้กันแพร่หลาย ของพวกนี้กลายเป็นของที่ทุกคนต้องมีต้องหามา เพื่อให้ผ่านหน้าหนาวนี้ไปให้ได้
ค่าใช้จ่ายพลังงานที่เพิ่มขึ้นในยุโรป โดยเฉพาะครัวเรือนอังกฤษที่การทำฮีทเตอร์ให้ความร้อนจะใช้ก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้า ฤดูหนาวนี้ค่าใช้จ่ายด้านฮีทเตอร์ของครอบครัวชาวอังกฤษจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปีที่แล้ว ชาวอังกฤษหลายคนกังวลว่าพวกเขาจะไม่สามารถที่จะจ่ายค่าพลังงานได้และเริ่มที่มองหาวิธีที่จะประหยัดเงิน โดยหาอุปกรณ์ให้ความอบอุ่นต่างๆ ประเภทเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มและประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ความอบอุ่นที่ใช้พลังงานต่ำ
วิกฤตพลังงานยุโรปนำมาซึ่งโอกาสใหม่ให้ผู้ประกอบการจีน จากข้อมูลในปีที่แล้ว ฤดูการผลิตสูงสุดสำหรับเครื่องทำความร้อนในบ้าน เพื่อการส่งออกของจีนไปยุโรปมักจะสิ้นสุดก่อนเดือนตุลาคม แต่ความต้องการเครื่องทำความร้อนของยุโรปในปีนี้ได้มีออเดอร์อย่างต่อเนื่อง
ตามข้อมูลจาก European Power Exchange ณ สิ้นเดือน ส.ค.ราคาเฉลี่ยค่าไฟของยุโรปอยู่ที่ 462.1 ยูโรต่อเมกะวัตต์/ชั่วโมง เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ยิ่งราคาพลังงานในยุโรปเพิ่มมากขึ้นใดยิ่งทำให้ความต้องการอุปกรณ์กันหนาวจากจีนยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ในระยะสั้นวิกฤตพลังงานในยุโรปจะช่วยกระตุ้นความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดเครื่องใช้ในครัวเรือนขนาดเล็กของจีนในระดับหนึ่ง ในระยะยาววิกฤตพลังงานในยุโรปจะผลักดันความต้องการผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไปจะช่วยส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงและการยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตของจีนด้วย ดังนั้น เครื่องใช้ในบ้านประเภทประหยัดพลังงานคาร์บอนต่ำจะเป็นเทรนด์ใหม่ของการพัฒนา นอกจากนี้ วิกฤตพลังงานในยุโรปกำลังนำโอกาสใหม่มาสู่จีน เช่น ผู้ประกอบการจากจากยุโรปอาจจะเลือกที่จะลงทุนในจีนมากขึ้น โดยเฉพาะด้านการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์พลังงานสะอาด ซึ่งอุตสาหกรรมจีนเองมีพื้นฐานดี มีความพร้อมในหลายด้าน