MGR Online - (13 ต.ค.) ดร.จวง ซั่วฮั่น ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กล่าวย้ำความร่วมมือกับไทยทุกด้าน สนับสนุนนักธุรกิจกระจายการลงทุนมาไทย สร้างตลาด EV และร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร
หลังการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทุกประเทศต่างจำเป็นต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจทุกด้านอย่างเร่งด่วนหลังต่างชะงักงันไปกว่า 2 ปี และต้องการเปิดโอกาสใหม่ๆ การกระชับความสัมพันธ์เป็นคู่ค้าที่ดี และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทางการค้าไทย-ไต้หวัน เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี พ.ศ.2564 ไต้หวันเป็นหนึ่งใน 10 ประเทศคู่ค้าอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
ในโอกาสที่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย จัด “งานวันชาติฉลองครบรอบ 111 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)” ไปเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2565 ที่โรมแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ดร.จวง ซั่วฮั่น ผู้อำนวยการใหญ่ และเป็น อดีตประธาน Taipei World Trade Center ได้กล่าวถึงโอกาสที่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย-ไต้หวัน เปิดกว้างมากขึ้นและมีความหลากหลายในด้านแรงงาน การค้า และการท่องเที่ยวนี้ว่า "ไต้หวันดำเนินนโยบายตามสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับไทยใกล้ชิดยิ่งขึ้นในหลายๆ ด้าน เช่น การลงทุน และเทคโนโลยี"
- สนับสนุนนักธุรกิจไต้หวันกระจายการลงทุน
"ไต้หวันมีแผนที่จะกระจายการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาตลาดใดๆ ให้เหลือน้อยที่สุด รัฐบาลไต้หวันได้เปิดตัวนโยบายมุ่งใต้ใหม่ในปี 2559 เรากระตือรือร้นที่จะอำนวยความสะดวกให้ภูมิภาคมีความเจริญรุ่งเรืองผ่านความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน การแลกเปลี่ยนการศึกษาและผู้คน และเทคโนโลยีและการแพทย์ ความร่วมมือกับประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย"
"ในปีที่แล้วปริมาณการค้าระหว่างไต้หวันและไทยมีมูลค่าถึง 1.298 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการส่งออกของทั้งไต้หวันและไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% นอกจากนี้ ไต้หวันเป็นแหล่งลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ในฐานะตัวแทนของไต้หวันในประเทศไทย ผมจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไต้หวันและไทยต่อไป อย่างที่ผมพูดบ่อยๆ ไต้หวันและไทยจะสานต่อไปด้วยกัน เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์"
"ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ไต้หวันครองอันดับ 1 ของโลกในการผลิตแผ่นเวเฟอร์แบบ OEM และผลิตเกือบ 65% ของเซมิคอนดักเตอร์ของโลกและ 90% ของชิปขั้นสูง ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์ไฮเทค เช่น EV และแพลตฟอร์ม AI เนื่องจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกกำลังเคลื่อนไปในทิศทางของการพัฒนาที่กำหนดไว้ในระดับภูมิภาค โดยมีโรงหล่อเฉพาะในภูมิภาคต่างๆ ที่เปลี่ยนรูปแบบเฉพาะของแผ่นเวเฟอร์ เรายินดีสนับสนุนบริษัทไต้หวันทุกรายที่ต้องการลงทุนในประเทศไทย"
"กระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวันได้จัดตั้งแผนกช่วยเหลือด้านการลงทุนเพิ่มเติมในสำนักงาน เพื่อช่วยเหลือนักธุรกิจชาวไต้หวันในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจต่างๆ ของประเทศไทย ช่วยให้นักธุรกิจไต้หวันเข้าใจกฎระเบียบการลงทุน และให้ข้อมูลที่จำเป็นตามที่ร้องขอ ในฐานะตัวแทนของไต้หวันในประเทศไทย ผมจะพยายามสนับสนุนความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างไต้หวันและไทย"
- โอกาสใหม่ของการพัฒนาตลาดรถพลังงานไฟฟ้า ตลาดสกูตเตอร์ EV
ดร.จวง ซั่วฮั่น ผู้อำนวยการใหญ่ ยังได้เสริมถึงการพัฒนาตลาดสกูตเตอร์ไฟฟ้าในไต้หวันซึ่งกำลังเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟู โดยเฉพาะรูปแบบการตั้งสถานีลิฟต์เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยไม่ต้องรอการชาร์จ
"ไต้หวันมีอัตราส่วนสกูตเตอร์ต่อหัวสูงที่สุดในโลก โดยประมาณ 6 ใน 10 คนในไต้หวันเป็นเจ้าของสกูตเตอร์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รัฐบาลไต้หวันได้ออกโครงการเงินอุดหนุนเพื่อเลิกใช้สกูตเตอร์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวงานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลในด้าน e-scooter เพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรม e-scooter"
"ไต้หวันเป็นที่ตั้งของผู้ผลิตสกูตเตอร์ไฟฟ้าชั้นนำ เช่น Gogoro และ Kymco บริษัทเหล่านี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลกเนื่องจากระบบสลับแบตเตอรี่ที่ประสบความสำเร็จและเทคโนโลยีการชาร์จอย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยขจัดการรอที่ใช้เวลานานระหว่างการชาร์จแบตเตอรี่ นอกจากนี้ เรายังมีแพลตฟอร์มการแบ่งปัน e-scooter เช่น WeMo และ GoShare ที่ใช้เทคโนโลยี IoV (อินเทอร์เน็ตของยานพาหนะ) เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งในเมืองที่สะอาดขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความยืดหยุ่น"
"เนื่องจากสกูตเตอร์เป็นพาหนะที่ใช้กันทั่วไปและมีความสำคัญในประเทศไทย นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ให้แรงจูงใจด้านการลงทุนแก่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EV เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ ผมเชื่อว่าประสบการณ์ของไต้หวันในการสร้างระบบสลับแบตเตอรี่ เทคโนโลยีชาร์จเร็ว และเทคโนโลยี IoV มีค่าสำหรับประเทศไทย"
"บริษัทไต้หวันได้ร่วมมือกับบริษัทไทยในการผลิตแบตเตอรี่ E-bus, e-tuktuk และ EV แล้ว สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Tron-e Energy Technology ของไต้หวันเพื่อผลิต e-bus และรถสามล้อไฟฟ้าขนาด 7 เมตร และ 12 เมตร เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย EA และ Amita Technologies ของไต้หวัน ที่ทุ่มเทให้การผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมและระบบกักเก็บพลังงาน ได้ร่วมกันจัดตั้งโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมขนาดใหญ่ในเขต EEC ในช่วงปลายปี 2564 โดยการผลิตเฟสแรกได้เริ่มขึ้นแล้วที่กำลังการผลิต 1GWh ต่อปี ซึ่งจะเติบโตขึ้น ถึง 4GWh ใน 2 ปี"
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ไต้หวันยังเป็นเจ้าภาพจัดงาน Taiwan Expo 2022 ในประเทศไทย ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีในไต้หวัน นำสินค้านวัตกรรมจากกว่า 230 บริษัท จาก 16 ธุรกิจมาโชว์เต็มรูปแบบ! ในแพลตฟอร์มไฮบริด เพื่อเปิดโอกาสการเป็นคู่ค้าที่ใกล้ชิดของกันยิ่งขึ้น
- ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีพัฒนาการเกษตร
ไต้หวันเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการพัฒนาภาคเกษตรกรรม แม้จะมีข้อจำกัดของพื้นที่เกาะซึ่งมีขนาดเพียง 36,193 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าไทยราว 14 เท่า และยังเกิดภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง แต่ไต้หวันกลับเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลกในหลายกลุ่มสินค้า
ศักยภาพการผลิตท่ามกลางข้อจำกัดในภาคเกษตรกรรมของไต้หวัน เกิดจากวิสัยทัศน์นำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้กับภาคเกษตรกรรม การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ และจัดตั้งหน่วยงานหลักในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน แปรรูปสินค้าเกษตรขั้นต้น ไปสู่สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (Taiwan Agricultural Research Institute)
ดร.จวง ซั่วฮั่น กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าใครในภูมิภาค และการปฏิรูปภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรนับว่าเป็นโอกาสสำคัญที่สามารถผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรในภูมิภาค
การพัฒนาภาคเกษตรกรรมของไต้หวัน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับภาคเกษตรกรรม รวมถึงการบริหารจัดการภาคเกษตรกรรมอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางน่าจะมีส่วนช่วยให้ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรของไทยเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด