บริษัทผลิตชิปจีน “เจ๊ง” มากเป็นประวัติการณ์ ชี้ทุนหมด-ขาดโอกาสทำกำไร

ระหว่างเดือน ม.ค. ถึง ส.ค.2565 มีบริษัทจีนที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับชิปยกเลิกการจดทะเบียนบริษัทมากกว่า 3,470 แห่ง สูงกว่าปี 2564 และ 2563 ที่มีการปิดกิจการรวม 3,420 แห่งและ 1,397 แห่งตามลำดับ

นายเจิ้ง เล่ย ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากสถาบันการเงินเซินเจิ้น (Shenzhen Finance Institute) ภายใต้มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (Chinese University of Hong Kong) ระบุว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็นภาคส่วนที่ใช้เงินทุนมาก บริษัทชิปที่จดทะเบียนใหม่บางแห่งอาจดำเนินธุรกิจยากภายใต้สถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงและสภาวะตลาดที่เลวร้ายในปัจจุบัน

ในปี 2563 และปี 2564 จีนมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชิปเกิดใหม่จำนวน 23,100 แห่ง และ 47,400 แห่งตามลำดับ เพื่อตอบสนองเป้าหมายในการพึ่งพาตนเองด้านเซมิคอนดักเตอร์ของปักกิ่ง

นายจง หลิน ผู้ก่อตั้งบริษัทออกแบบชิป GSR Electronics ในมณฑลฝูเจี้ยน ระบุว่า กระแสของการเป็นผู้ประกอบการชิปของจีน “สิ้นสุดลงแล้ว” สตาร์ทอัปด้านชิปจำนวนมากจะล้มเหลวเมื่อเงินทุนของนักลงทุนหมดลงเนื่องจากขาดโอกาสในการทำกำไร

ตัวอย่างเช่น “Nurlink” สตาร์ทอัปด้านการออกแบบชิปกลายเป็นข่าวพาดหัวหลังไม่จ่ายเงินเดือนให้พนักงาน ซึ่งเกิดขึ้นไม่ถึง 1 ปีหลังจากที่บริษัทได้จัดหาเงินทุนรรวม 200 ล้านหยวน (ราว 1,000 ล้านบาท)

การล็อกดาวน์ในเซี่ยงไฮ้ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทชิปหลายแห่ง กำลังการผลิตลดลงเหลือเพียงเสี้ยวเดียวท่ามกลางห่วงโซ่อุปทานที่ขาดหายและการขนส่งที่หยุดชะงัก นอกจากนี้ ความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภคที่ลดลงเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนในช่วงครึ่งแรก

ในเดือน ส.ค.65 กิจกรรมการผลิตของจีนหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากการขาดแคลนพลังงานและการระบาดของโควิด-19 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ลดลงเหลือ 49.5 ในเดือนสิงหาคมจาก 50.4 ในเดือน ก.ค.65

ในขณะเดียวกัน วอชิงตันกำลังตรวจสอบและขัดขวางการลงทุนสาขาเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ รวมถึงสั่งห้ามบริษัท Nvidia Corp และ Advanced Micro Devices จำหน่ายชิปสำหรับปัญญาประดิษฐ์และงานประมวลผลประสิทธิภาพสูงไปยังจีน

ที่มา เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์