แม้จีนเป็นชาติที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสาเหตุภาวะโลกร้อนมากที่สุดในโลก รองลงมาคือสหรัฐฯ แต่จีนก็อัดฉีดเงินมหาศาลในภาคพลังงานหมุนเวียน จนสามารถสร้างพลังงานสะอาดแซงหน้าสหรัฐฯ ได้ด้วยเช่นกัน
การทุ่มงบประมาณเพื่อการวิจัยและการพัฒนาในช่วงที่ผ่านมา ช่วยให้จีนสามารถสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนโครงการริเริ่มด้านพลังงานหมุนเวียน หรือที่เรียกกันว่า พลังงานสะอาด นอกจากนั้น การให้เงินอุดหนุนของรัฐบาลจีนในด้านรถพลังงานไฟฟ้า (EVs) ได้สร้างตลาดผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง
หากเปรียบเทียบกัน รัฐสภาสหรัฐฯ เพิ่งผ่านการพิจารณาเห็นชอบร่างกฎหมายด้านสภาพอากาศเมื่อเดือนนี้ (ส.ค.2565 ) ด้วยเงินอุดหนุน จำนวน 370,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับการพัฒนาด้านพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม รถไฟฟ้า และโครงการพลังงานสะอาดอื่นๆ ร่างกฎหมายฉบับนี้จะช่วยให้สหรัฐฯ บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ได้สำเร็จในช่วงปี 2573-2593 และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมสีเขียวกับชาติมหาอำนาจในโลกอื่นๆ เช่น จีน
ในขณะที่จีนนั้น มีการลงทุนด้านพลังงานสะอาดทั้งในภาครัฐและเอกชนเฉพาะแค่ปีเดียวคือปี 2564 ก็มากถึง 380,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้น ด้วยอุตสาหกรรมการผลิตและการก่อสร้างที่แข็งแกร่งยังทำให้จีนสามารถสร้างฟาร์มลมและฟาร์มแสงอาทิตย์ขนาดกว้างใหญ่ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
ถึงแม้ว่า มีรายงานชิ้นใหม่ในปี 2564 ระบุว่า จีนปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่าชาติที่พัฒนาแล้วทั้งหมดรวมกัน แต่จีนมีส่วนช่วยในการพัฒนาภาคพลังงานหมุนเวียนในโลกอย่างเป็นรูปธรรม
รัฐบาลจีนเริ่มอัดฉีดเงินสนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมาตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษในอากาศ ซึ่งทวีความรุนแรงในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ และมองเห็นโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำโลกในด้านพลังงานหมุนเวียน โดยรัฐบาลขยายการให้สินเชื่อและให้เงินอุดหนุนรูปแบบต่างๆ เพื่อสนับสนุนบริษัทเอกชนที่ลงทุนด้านการใช้พลังงานสะอาดแทนถ่านหิน
ปัจจุบัน จีนมีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนมากเกือบถึงครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ในโลก โดยจีนมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีการขยายการก่อสร้างตามแผน ซึ่งอาจทำให้กำลังการผลิตเพิ่มอีก 2 เท่าในปีนี้ การผลิตพลังงานลมและแสงอาทิตย์จีนยังคงล้ำหน้าสหรัฐฯ อย่างมาก
จีนใช้อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนมาสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในช่วงเวลาที่ทุกประเทศกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสีเขียว หัวหน้าฝ่ายการวิเคราะห์ด้านจีนของบริษัทวิจัยบลูมเบิร์กเอ็นอีเอฟ (BloombergNEF : BNEF) ระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาดเป็นการลงทุนที่มีความสำคัญที่สุดที่จีนกำลังพึ่งพา เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจแดนมังกรที่อ่อนแอในครึ่งหลังของปี 2565
จีนลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 41,000 ล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี 2565 โดยตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ให้ได้ 1,200 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573
ขณะที่สหรัฐฯ ลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 7,500 ล้านดอลลาร์เท่านั้นในครึ่งแรกของปี 2565
นอกจากนั้น ร่างกฎหมายพลังงานสะอาดหลายฉบับ ที่พรรคเดโมแครตผลักดันถูกยับยั้งไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนพลังงานสะอาดของรัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา ซึ่งถูกรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ล้มเลิก
ส่วนจีนนั้น ได้ผ่านร่างกฎหมายสีเขียวไปแล้วหลายฉบับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 ซึ่งผ่านการอนุมัติเมื่อปีที่แล้ว
จาก Oilprice.com