ช่วงราว 20 ปีก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนชนะสงครามกลางเมือง ในช่วงนั้นเป็นยุคสาธารณรัฐจีน (1912-1949) ภายใต้การปกครองของ พรรคจีนคณะชาติ หรือก๊กมินตั๋ง (国民党 ) แผ่นดินจีนตกอยู่ในสภาพวุ่นวายจากสงครามสู้รบไม่หยุดหย่อน ทั้งสงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพของก๊กมินตั๋ง และกองทัพแดงของ พรรคคอมมิวนิสต์ อีกทั้งศึกรุกรานจากกองทัพญี่ปุ่นที่ทำให้คู่ปฏิปักษ์การเมืองที่กำลังรบรากันอยู่นั้นหันมาจับมือกันชั่วคราวเพื่อสู้ศึกขับไล่กองทัพแดนอาทิตย์อุทัย...ปกป้องมาตุภูมิจีน
ในยุคสงครามลุกโหมบนแผ่นดินจีนช่วงนี้ นอกจากภารกิจการสู้รบเพื่อปกป้องอธิปไตยประเทศชาติแล้ว ยังมีภารกิจสำคัญในการรักษาสมบัติชาติคือ “ภารกิจขนย้ายสมบัติพระราชวังกู้กงลงใต้” ที่ในภาษาจีนเรียกว่า 故宫文物南迁 คือการขนย้ายสมบัติล้ำค่าของชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นโบราณวัตถุในพระราชวังกู้กง แห่งนครปักกิ่ง ไปยังเมืองทางใต้ของประเทศ
สำหรับ พระราชวังกู้กง (故宫) ก็คือพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิจีนสมัยราชวงศ์หมิง (จากรัชสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ) และราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้าย ปัจจุบันเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่า ‘กู้กง’ และเป็นพิพิธภัณฑ์พระราชวัง (จากปี 1925) ต่อมาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมของโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1987
'คนไปถึงที่ไหน สมบัติชาติอยู่ที่นั่น'
เมื่อกองทัพญี่ปุ่นบุกยึดครองดินแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนในปี ค.ศ.1931 ที่เรียกว่า ‘เหตุการณ์วันที่ 18 กันยายน’ (九一八事变)หรือ อุบัติการณ์มุกเดน (Mukden Incident) แผ่นดินจีนตกอยู่ในความวุ่นวายระส่ำระสายอย่างหนัก บรรดาผู้ทรงความคิดมองการณ์ไกลต่างวิตกกังวลกันว่าสมบัติล้ำค่าของชาติในปักกิ่งซึ่งอยู่ทางภาคเหนือจะถูกศัตรูต่างชาติที่เข้ามารุกรานแผ่นดินปล้นสะดมเอาไป หรือไม่ก็มอดไหม้สูญไปในไฟสงคราม จึงวางแผนขนย้ายสมบัติชาติออกจากปักกิ่งไปไว้ยังที่ปลอดภัยในเมืองทางใต้
ด้วยจีนมีประวัติศาสตร์อารยธรรมยิ่งใหญ่ยาวนานถึงราว 3 พันปี (ประมาณจากโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบ) สมบัติโบราณวัตถุย่อมมหาศาลน่าตื่นตะลึง... จีนใช้เวลานานราว 1 ปีจากปี 1932 คัดเลือกและจัดสมบัติชาติบรรจุในลังไม้ โบราณวัตถุจากพิพิธภัณฑ์ในปักกิ่งที่ถูกจัดเก็บลงลังไม้มีจำนวนถึง 19,557 ลัง ในจำนวนนี้เป็นโบราณวัตถุจาก พระราชวังกู้กง มากกว่า 13,000 ลัง นอกนั้นเป็นโบราณวัตถุจากพระราชวังฤดูร้อน (อี๋เหอหยวน/颐和园) และ พิพิธภัณฑ์กั๋วจื่อเจียน (国子监) จนกระทั่งในปี 1933 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคมก็ทยอยขนย้ายสมบัติชาติลงใต้ไปเก็บรักษาไว้ที่นครเซี่ยงไฮ้ หลังจากที่ห้องเก็บสมบัติใน วังเฉาเทียนที่หนันจิง (南京朝天宫)สร้างเสร็จในปลายปี 1936 โบราณวัตถุเหล่านี้ถูกขนย้ายไปไว้ที่นครหนันจิง ซึ่งเป็นนครหลวงของสาธารณรัฐจีนในช่วงนั้น
เมื่อกองทัพญี่ปุ่นบุกลงใต้มาถึงนครเซี่ยงไฮ้ในปี 1937 ผู้นำสาธารณรัฐจีน เจียงไคเช็ก (蒋介石) ก็สั่งการขนย้ายสมบัติชาติออกจากหนันจิงโดยด่วนขณะที่ไฟสงครามกำลังลุกลามเข้ามายังหนันจิง การขนย้ายสมบัติครั้งนี้ได้จัดแบ่งลังสมบัติแยกกันเดินทางไปใน 3 เส้นทาง ไปยังมณฑลเสฉวนซึ่งอยู่ในภาคตะวันตก เมื่อถึงเสฉวนก็นำสมบัติเหล่านี้ไปเก็บไว้ตามเมืองต่างๆ เช่น ปาเสี้ยน 80 ลัง เอ่อเหม่ยเสี้ยน 7,287 ลัง เล่อซันเสี้ยน 9,331 ลัง และบางส่วนถูกนำไปไว้ที่นครฉงชิ่ง ซึ่งเป็นเมืองหลวงอีกแห่งของสาธารณรัฐจีนในช่วงสงครามญี่ปุ่น (ปี 1937-1945)
หลังจากญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 1945 ต่อมาในปี 1947 สมบัติชาติจีนก็ถูกขนกลับมาเก็บไว้ที่นครหนันจิง ถือเป็นการสิ้นสุดของ “การเดินทางไกลลงใต้นับหมื่นลี้ของสมบัติชาติจีน”
‘ภารกิจขนย้ายสมบัติพระราชวังกู้กงลงใต้’ ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการปกป้องมรดกวัฒนธรรมแห่งมนุษยชาติ กลุ่มบุคคลที่ควรคารวะอย่างสูงส่งในความเสียสละปฏิบัติภารกิจนี้คือ กลุ่มผู้รับผิดชอบดูแลและคนงานของพิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กง พวกเขาทนความลำบากแสนเข็ญ แบกรับงานหนักสาหัสในการขนย้ายสมบัติชาติกว่าล้านชิ้น ฝ่าฟันไฟสงครามห่ากระสุนปืนที่บางครั้งซัดสาดราวสายฝน เดินทางไกลไปตามพื้นที่ต่างๆ ถึงครึ่งแผ่นดินใหญ่อันกว้างขวางเป็นเวลานานถึง 15 ปี เพื่อนำสมบัติชาติไปยังที่ปลอดภัย ที่น่าทึ่งก็คือ โบราณวัตถุจำนวนมหาศาลนั้นไม่ตกหล่นหายไปสักชิ้นเดียว อีกทั้งแทบไม่เกิดความเสียหายใด
“ภารกิจขนย้ายสมบัติพระราชวังกู้กงลงใต้” แสดงถึงยอดนักฝ่าฟันอุปสรรคของชาวจีนในยุคสมัยนั้น และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่งบนโลก จนได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมโลกเลยทีเดียว
‘สมบัติพระราชวังกู้กงบางส่วน’ ถูกขนย้ายอีกครั้งไปยังไต้หวัน
ในเดือนธันวาคม ปี 1948 ถึงเดือนธันวาคมปี 1949 ช่วงที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังพิชิตชัยชนะในสงครามกลางเมืองอย่างแน่นอนแล้ว ผู้นำก๊กมินตั๋งได้ขนย้ายสมบัติล้ำค่าของชาติจากเมืองต่างๆ ในจีนไปยังนครไทเป บนเกาะไต้หวัน 5 ครั้งด้วยกัน โบราณวัตถุที่ถูกขนส่งไปไทเปรวมทั้งสิ้น 5,606 ลัง ในจำนวนนี้ 3,879 ลัง ซึ่งบรรจุโบราณวัตถุรวมกันมากกว่า 250,000 ชิ้น ถูกนำมาเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์กู้กง นครไทเป
สำหรับโบราณวัตถุของพระราชวังกู้กงที่ขนไปจากหนันจิง ไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์กู้กงนครไทเป มีจำนวน 2,972 ลัง ประกอบด้วยโบราณวัตถุกว่า 68,000 ชิ้น
แม้ว่าโบราณวัตถุที่ถูกขนส่งไปไต้หวัน มีไม่ถึง 1 ใน 4 ของสมบัติพระราชวังต้องห้ามที่ถูกขนย้ายลงใต้ ทว่า จำนวนไม่น้อยเป็นของหนักของล้ำค่าที่สุด มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างเอกอุ
ปี 1951 โบราณวัตถุที่เหลืออยู่ในหนันจิง รวมกว่า 10,000 ลัง ก็ถูกทยอยขน ‘กลับบ้าน’ คือพิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กงปักกิ่ง ส่วนที่เหลืออีก 2,221 ลัง ยังเก็บไว้ที่นครหนันจิง
'เที่ยวบินอำลาจากมาตุภูมิแผ่นดินใหญ่'
สุดท้าย ขอแถมเรื่องราว 2 เที่ยวบินสุดท้ายที่นำกลุ่มผู้นำสาธารณรัฐจีน (ก๊กมินตั๋ง) เดินทางออกจากมาตุภูมิแผ่นดินใหญ่
จากข้อมูลสารคดีประวัติศาสตร์ ‘สมบัติล้ำค่าของชาติถูกขนย้ายไปไทเป’ (台北故宫01.国宝迁台_4) จัดทำโดยสถานีโทรทัศน์แห่งชาติจีน ระบุว่า ในวันที่ 9 ธันวาคม ปี ค.ศ.1949 ที่สนามบินในซินจิน (新津机场)ในนครเฉิงตู มณฑลเสฉวน เครื่องบินลำหนึ่งกำลังสตาร์ทเครื่องเตรียมขึ้นบินเพื่อพาผู้นำรัฐบาลสาธารณรัฐจีน 5 คนไปยังนครไทเป โดยผู้นำทั้ง 5 คนนี้คือ เหยียนซีซัน (闫锡山) นายกรัฐมตรี จูจยาฮว่า(朱家骅)รองนายกรัฐมนตรี เฉินลี่ฟู (陈立夫)สมาชิกสภานิติบัญญัติ จย่าจิ่งเต๋อ (贾景德)เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และหังลี่อู่ ( 杭立武)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา (*หมายเหตุ ตำแหน่งในขณะนั้น)
ทุกคนถือกระเป๋าหรือหีบที่บรรจุสมบัติทุกชิ้นของครอบครัว เช่น เหยียนซีซัน มาพร้อมกับทองคำ 2 ลัง
ขณะที่เครื่องบินจวนขึ้นบิน รถยนต์เล็กคันหนึ่งก็แล่นพุ่งตัวเข้ามาจอด ผู้ก้าวลงจากรถคือ จางต้าเชียน (张大千) ผู้มาพร้อมกับภาพเลียนแบบภาพเขียนบนผนังถ้ำพุทธศิลป์เมืองตุนหวง (敦煌临摹壁画)จำนวน 78 ภาพ ศิลปินเครายาวจางต้าเชียน ขอร้องโดยสารเครื่องบินไปไทเปด้วย แต่ทว่า เครื่องบินบรรทุกน้ำหนักเกินไปอย่างมากแล้ว ไม่สามารถขนอะไรไปได้อีก ไม่สามารถรับน้ำหนักคนหนึ่งคนกับภาพเขียน 78 ภาพ ขณะที่ทุกคนกำลังสิ้นหวัง หังลี่อู่ก็ขนกระเป๋า 3 ใบของตัวเองออกมาบอกว่าเขาจะโยนสมบัติในกระเป๋า 3 ใบนี้ทิ้ง และเอามาใส่ภาพเขียน
“นี่คือสมบัติที่ครอบครัวผมสะสมมาทั้งชีวิต ผมจะโยนมันทิ้ง และจะนำกระเป๋ามาใส่ภาพเขียนขึ้นเครื่องไปด้วย แต่ก่อนอื่น ผมขอสัญญาเงื่อนไขข้อหนึ่ง เมื่อไปถึงไทเป ภาพเขียนเหล่านี้ไม่ใช่สมบัติของคุณเพียงคนเดียว แต่ต้องบริจาคให้พิพิธภัณฑ์กู้กงด้วย”
จางต้าเชียน ไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งก็ตอบตกลง พร้อมกับหยิบนามบัตรออกมาเขียนข้อความสัญญาบริจาคภาพให้พิพิธภัณฑ์กู้กงนครไทเป ...ภาพเขียน 78 ภาพที่ประมาณค่ามิได้จึงได้ขึ้นเครื่องไปไทเปด้วย ส่วนสมบัติทั้งหมดของหังลี่อู่ ที่รวมทั้งทองคำจำนวนมากก็ถูกทิ้งไว้ที่สนามบิน ...
ไม่กี่วันต่อมา เที่ยวบินที่พาผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐจีนผู้พ่ายแพ้สงครามคือ เจียงไคเช็ก ก็ทะยานขึ้นจากสนามบินในเฉิงตู เหินฟ้าไปยังไทเป นั่นคือเที่ยวบินสุดท้ายของผู้นำสาธารณรัฐจีนที่อำลามาตุภูมิไปชั่วนิรันดร....
นี่คือเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจของคนพลัดพรากมาตุภูมิ สมบัติชาติพลัดพรากมาตุภูมิ..เป็นอนิจจังชีวิต และอนิจจังของยุคสมัย
故宫文物南迁
国宝逃难记:世界文物史上最伟大的一场远行
故宫文物南迁记 :曾有争议 2972箱被运至台湾
สมบัติชาติจีนแห่งสองนคร : ปักกิ่ง-ไทเป
พิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กง นครปักกิ่ง ซึ่งมีชื่อสากล คือ The Palace Museum และ พิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กง นครไทเป ซึ่งมีชื่อสากล คือ National Palace Museum พิพิธภัณฑ์ 2 แห่งนี้เก็บรักษาสมบัติล้ำค่าของชาติจีน โดยต่างมีความโดดเด่นระดับไร้เทียมทานในใต้หล้า แต่ต่างก็ไม่สมบูรณ์ พิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กงนครปักกิ่ง มีสมบัติล้ำค่ากว่า 1.8 ล้านชิ้น ส่วนพิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กงนครไทเป มีสมบัติล้ำค่า 700,000 ชิ้น
ไม่ว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าที่เก็บรักษาไว้ในจีนฝั่งไหน ทุกๆ ชิ้นล้วนแฝงจิตวิญญาณบรรพบุรุษจีนเดียวกัน
มาชมตัวอย่างสมบัติชาติจีนชิ้นโดดเด่นในพิพิธภัณฑ์พระราชวังในสองนคร : ปักกิ่ง-ไทเป