xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights : อีกหนึ่งยูนิคอร์นจีน MissFresh ที่กำลังจะไม่ได้ไปต่อ...

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ยูนิคอร์นจีน ‘MissFresh’ แอปขายสินค้าอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ที่ฮิตในกลุ่มคนรุ่นใหม่ตามเมืองชั้นหนึ่งและเมืองชั้นสองของจีน (ภาพจากโซเชียลมีเดีย เวยปั๋ว)
โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล นักวิชาการอิสระ

ก่อนที่ผู้เขียนจะเล่าเรื่องของ ‘มิสเฟรช’ (MissFresh) ขออธิบายหน่อยว่า ‘ยูนิคอร์น’ (Unicorn) คืออะไร? ยูนิคอร์น หมายถึง ธุรกิจสตาร์ทอัปที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างในฝั่งของอเมริกามีบริษัทประเภทนี้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น Uber, Airbnb เป็นต้น ปัจจุบันสตาร์ทอัปในจีนก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน อย่างเช่น เสียวหมี่ (Xiaomi) และ เหม่ยถวน (Meituan) ถือว่าเป็นบริษัทสตาร์ทอัประดับ ‘ยูนิคอร์น’ สำหรับวันนี้ขอเล่าเรื่องราวของบริษัท MissFresh ซึ่งเป็นยูนิคอร์นจีนรายหนึ่งที่หลายปีที่ผ่านมาเหมือนกำลังจะไปได้ดีแต่ก็เกิดปัญหาช็อกสังคมและวงการธุรกิจ

เมื่อปีที่แล้ว MissFresh ได้รับการจัดอันดับโดย Tuxsa ว่าเป็น 1 ใน 10 ยูนิคอร์นสตาร์ทอัปจีนที่น่าจับตา แต่อยู่ดีๆ กลับมีข่าวเผยออกมาเมื่อวันที่ 28-29 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า “MissFresh ไปต่อไม่ไหวแล้ว” สำนักงานใหญ่ของบริษัท MissFresh เพิ่งย้ายออกไปนอกเมืองปักกิ่ง และย้ายไปไม่ทันไรปัจจุบันกลายเป็นสำนักงานร้างไปแล้ว ส่วนเจ้าหนี้ทั้งหลายก็กำลังตามทวงหนี้กับบริษัทนี้กันให้วุ่น บริษัท MissFresh คนจีนรู้จักกันในชื่อ 每日优鲜(Meiri Youxian : เหม่ยรื่อโยวเซียนเป็นแอปแพลตฟอร์มที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2014 โดยเป็นแอปที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่มเมืองชั้นหนึ่ง

กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้มือถือคล่องแคล่ว มีจังหวะชีวิตการทำงานที่เร็ว ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาไปซื้อของสดจ่ายตลาด แอป MissFresh ได้เข้ามาชูการขายที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าสดและสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ทางออนไลน์ผ่านแอป หรือ mini program ภายในเวลา 1-2 ชั่วโมงสินค้าจะถูกส่งมาถึงหน้าประตูบ้าน นอกจากนี้ ยังมีของกำนัลพิเศษให้ทั้งกลุ่มลูกค้าเก่าและใหม่คือบัตรส่วนลดเงินสดให้อย่างสม่ำเสมอ โดยตัวผู้เขียนเองประมาณ 2 ปีที่แล้วก็เป็นลูกค้าประจำของแอปนี้เพราะของส่งเร็ว สด และสินค้าหลายรายการมีโปรโมชันอยู่ตลอด

กลุ่มเจ้าหนี้ของ MissFresh ไปที่สำนักงานบริษัทชูป้ายทวงหนี้ ป้ายเขียนว่า “ ‘เหม่ยรื่อโยวเซียน’ คืนเงินที่มาจากหยาดเหงื่อแรงงานและเลือดเนื้อของเรา” (ภาพจากโซเชียลมีเดีย เวยปั๋ว)
MissFresh เป็นธุรกิจ E-commerce ประเภท 020 หรือ Online to Offline หมายถึงลูกค้าลงออเดอร์ออนไลน์และจะมี ‘MissFresh Man’ บริการส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้าน การจัดส่งของถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วนั้นต้องมีศูนย์กระจายสินค้าย่อยอยู่หลายแห่งและศูนย์กระจายสินค้าพวกนี้ต้องมีห้องเย็นจัดเก็บสินค้าของสดที่ได้มาตรฐานอีกด้วย ศูนย์กระจายสินค้าทั้งหมดของ MissFresh คือการเช่าพื้นที่มาปรับปรุงให้เหมาะกับการใช้งาน ที่ผู้เขียนกล่าวถึงจุดนี้เพราะจะอธิบายต่อไปว่าโมเดลการทำธุรกิจของ MissFresh มีต้นทุนพื้นฐานที่สูง อย่างเช่น จากมีข้อมูลเปิดเผยออกมาว่า ค่าไฟฟ้าต่อหนึ่งศูนย์กระจายสินค้าของ MissFresh ต่อเดือนตกประมาณ 200,000 หยวน หรือประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ยังไม่รวมค่าบริหารงานและอื่นๆ

เมื่อปี 2018 การเติบโตของ MissFresh ไต่ระดับสูงสุด โดยในช่วงนั้น MissFresh แพลตฟอร์มครองตลาดสินค้าสดออนไลน์ทะลุ 50% ในขณะนั้นเปิดบริการในหลายเมืองสำคัญทั่วประเทศ ส่วนใหญ่กระจุกตัวในเมืองชั้นหนึ่งและเมืองชั้นสอง การขยายตัวของธุรกิจ MissFresh ต้องอาศัยการระดมทุนหลายครั้งโดยมีการระดมทุนรวมทั้งสิ้น 11 รอบ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง เทนเซนท์ (Tencent) และ มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ยังเคยเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจของ MissFresh

ในเดือน มิ.ย.2021 MissFresh ได้เข้าตลาดหุ้นแนสแดคในสหรัฐฯ มีชื่อย่อ “MF” มีเป้าหมายระดมทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับราคาหุ้นของ MissFresh ที่ผ่านมาไม่ได้หวือหวา และในเดือน พ.ค.ปีนี้ตลาดหุ้นแนสแดคได้ออกจดหมายเตือนจะเพิกถอนหุ้น MissFresh ออกจากตลาดเนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานติดต่อกันมากกว่า 30 วันทำการ จากราคาหุ้นไอพีโอ (IPO) ของ MissFresh เปิดที่ 13 ดอลลาร์ต่อหุ้น ปัจจุบันราคาตกไปต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ต่อหุ้นแล้ว

ก่อนหน้านี้มีการรายงานว่า MissFresh ขาดทุนย่อยยับมาตลอด โดยในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2021 บริษัท MissFresh ขาดทุนกว่า 1,400 ล้านหยวน มากขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 2020 ถึง 300%

ทีนี้เรามาดูกันว่า ทำไม MissFresh ถึงจะไปไม่รอด? ในวันที่ 28-29 ก.ค.ที่ผ่านมา ข่าว “MissFresh ไม่มีเงินแล้ว และกำลังไปไม่รอด” กลายเป็นข่าวฮอตพาดหัวใหญ่ในหลายแพลตฟอร์มข่าว จากนั้นเริ่มมีการเปิดโปงข้อมูลด้านต่างๆ ออกมาเรื่อยๆ ทั้งการค้างจ่ายเงินพนักงานมาสักพักแล้ว ไปจนถึงการปลดพนักงานที่ก่อนหน้ามีอยู่ 2,000 กว่าคน เหลือไม่ถึง 900 คน ข่าวการตามทวงเงินของซัปพลายเออร์สินค้าที่มีหลายรายออกมาเปิดโปงว่า MissFresh ค้างจ่ายหลายเดือนแล้ว จำนวนเงินค้างจ่ายเป็นเงินก้อนโตทั้งสิ้น เพราะการที่ซัปพลายเออร์เซ็นสัญญาและจัดส่งสินค้าให้ MissFresh ต้องส่งไปศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ ส่วนพนักงานฝ่ายจัดซื้อของ MissFresh เริ่มไม่มั่นคง มีการเข้าออกเปลี่ยนพนักงานกันเป็นว่าเล่น ทำให้หลายซัปพลายเออร์ได้รับผลกระทบจังๆ บางรายเห็นปัญหาก่อนก็หยุดจ่ายสินค้าให้ MissFresh และรอให้มีการชำระเงินเข้ามาก่อน บางรายที่ไม่รู้เรื่องภายในและเชื่อว่าจะได้รับเงินยังส่งสินค้าให้ MissFresh ขณะนี้ข่าวฉาวของ MissFresh เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศเชื่อว่าคงไม่มีซัปพลายเออร์ใดกล้าให้เครดิต MissFresh แล้ว

เคสยูนิคอร์นจีน MissFresh ที่กำลังจะล้ม เป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนสังคมและวงการมาก ในภาพ คนงานกำลังปลดป้ายสำนักงาน MissFresh (ภาพจากโซเชียลมีเดีย เวยปั๋ว)
ไม่เพียงเท่านั้น ลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าจาก MissFresh ในช่วงหลังๆ ก็เจอปัญหาของไม่สด สินค้าไม่ได้มาตรฐาน ร้องเรียนไปที่ศูนย์บริการลูกค้าหลังๆ มาไม่มีพนักงานมาบริการ การเคลมและคืนเงินกลายเป็นอุปสรรคของลูกค้าที่ซื้อของ

เมื่อตอนเริ่มต้น MissFresh เติบโตอย่างรวดเร็วเพราะการระดมทุนจากแหล่งต่างๆ แต่หากมองกันระยะยาวแล้วการดำเนินธุรกิจของ MissFresh เรียกได้ว่าต้นทุนสูงทุกอย่างและไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายให้ลดลงได้เลย เริ่มตั้งแต่การนำสินค้าเข้าศูนย์กระจายสินค้าส่วนใหญ่มาจากคนกลางที่ขายส่ง ซึ่งมีการบวกกำไรกันมาแล้วทอดหนึ่ง หลังจากสินค้าเข้ามาที่ศูนย์แล้วต้องใช้แรงงานจำนวนมากในการคัดแยกและห่อติดป้ายรหัสสินค้า หลังจากนั้นยังต้องใช้แรงงานคนในการจัดส่งสินค้าอีก โดยสื่อรายหนึ่งเผยข้อมูลว่าในปี 2018 กำไรของ MissFresh 34.9% ต้องหมดไปกับรายจ่ายพื้นฐานจำเป็น และอีก 30% คืออัตราการสูญเสียของสินค้าอาหารสด (ผักสดและผลไม้ เนื้อสดจำนวนหนึ่งมีอัตราการเสียทิ้งไม่ใช่ว่าจะขายออกไปได้ทั้งหมด 100%) และการเช่าศูนย์กระจายสินค้าและการปรับปรุงสถานที่เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานล้วนเป็นต้นทุนมหาศาลที่ MissFresh ต้องแบกรับ ทำให้ช่วงหลังๆ มาบริษัทรับผิดชอบเองทั้งหมดไม่ไหว ก็เริ่มหาพาร์ตเนอร์มาร่วมมือทำธุรกิจศูนย์กระจายสินค้าของ MissFresh โดยชักชวนประชาชนทั่วไปที่มีสถานที่ของตัวเองที่ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์ใดและมีเงินทุน อยากเป็นเจ้าของกิจการ สามารถเอาสถานที่ว่างๆ นั้นมาปรับปรุงเป็นศูนย์กระจายสินค้าให้แก่ MissFresh ได้ โดย MissFresh จะให้ส่วนแบ่งจากกำไรที่เกิดขึ้น แต่หลายคนบอกว่าวิธีแบบนี้ไม่เข้าท่า และในความเป็นจริงคนที่มาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับ MissFresh ก็ไม่ได้กำไรอะไร เสมือนว่า MissFresh เอาพาร์ตเนอร์รายย่อยเข้ามาเพื่อรับความเสี่ยงในการขาดทุนร่วมกับตนเอง

หลังจากการปะทุของข่าวด้านลบว่า MissFresh กำลังจะล้มละลาย บริการในแอปยกเลิกการส่งด่วน ลูกค้าเริ่มลงออเดอร์ซื้อของไม่ได้ อีกทั้งมีอดีตพนักงานและซัปพลายเออร์เปิดโปงเรื่องราวต่างๆ ในโซเชียล แต่กระนั้นผู้บริหารของ MissFresh ในตอนแรกยังออกมาบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรและไม่ได้หนีไปไหน กำลังแก้ไขปัญหาอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่นานก็ออกมายอมรับว่าบริษัทประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ตัวผู้เขียนเองในระหว่างที่เขียนบทความนี้อยู่ก็ลองเข้าไปในแอป MissFresh และดูหน้าสินค้าที่ขายอยู่ปรากฏว่าสินค้าประเภทของสดไม่มีแล้วมีแต่สินค้าประเภทอื่นและมีการแจ้งในหน้าแอปว่า ออเดอร์ทุกออเดอร์จะจัดส่งในวันถัดไป ถึงกระนั้นการลงออเดอร์ก็ยังไม่สามารถทำได้ โดยแอปแจ้งว่าไม่ได้อยู่ในเขตที่จัดส่งได้ (ลูกค้าหลายคนได้เขียนบ่นปัญหานี้ในโซเชียล) หลายคนตกใจกับข่าวนี้และรู้สึกว่า MissFresh เพิ่งจะขึ้นตลาดหุ้นได้ไม่นาน...จากจุดสูงสุดสู่จุดต่ำสุดช่างมาไวไปไว! และดูเหมือนว่าจะไม่ได้ไปต่อซะแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น