ตัวเต็งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมและนายกรัฐมนตรีอังกฤษ จัดนโยบายกระหน่ำจีนชุดใหญ่ หวังสกัดคู่แข่ง ซึ่งคะแนนนิยมกำลังตีตื้น
นายริชี ซูนัก อดีตรัฐมนตรีคลังประกาศว่า ถ้าเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนต่อไป เขาจะดำเนินนโยบายกับจีนอย่างแข็งกร้าวมากขึ้น พร้อมกับตราหน้าจีนด้วยว่า เป็นมหาอำนาจในเอเชีย ซึ่งเป็น “ภัยคุกคามใหญ่หลวงสำหรับอังกฤษในระยะยาว”
นายซู นักแสดงท่าทีขึงขัง หลังจากถูกรัฐมนตรีต่างประเทศหญิง “ลิซ ทรัสส์” คู่แข่ง ซึ่งเหลืออยู่คนเดียวในศึกเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมรอบสุดท้าย กล่าวหาว่า อ่อนปวกเปียกกับจีนและรัสเซีย โดย “โกลบอลไทมส์” สื่อของทางการจีนเคยพูดถึงนายซูนัก ว่า เป็นผู้แข่งขันเพียงหนึ่งเดียว ที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับจีน ที่ชัดเจนและนำมาปฏิบัติได้ แต่ “เดลิเมล์” สื่อเมืองผู้ดี ซึ่งสนับสนุนนางทรัสส์ โต้ว่า เป็นการเซ็นชื่อรับรองที่ไม่มีใครเขาเอาด้วย
นโยบาย ซึ่งนายซูนัก เตรียมจัดหนักกับจีน ก็เช่น การปิดสถาบันขงจื่อ ที่ตั้งอยู่ในอังกฤษทั้งหมด 30 แห่ง การสกัดกั้นไม่ให้จีนขยายซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งทำผ่านโครงการด้านภาษาและวัฒนธรรม การอัปเปหิพรรคคอมมิวนิสต์จีนออกไปให้พ้นจากมหาวิทยาลัยเมืองผู้ดี โดยให้สถาบันอุดมศึกษาต่างๆ เปิดเผยข้อมูลการรับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศกรณีสูงกว่า 5 หมื่นปอนด์ และให้มีการพิจารณาทบทวนการเป็นหุ้นส่วนด้านงานวิจัย
เท่านั้นยังไม่พอ นายซูนัก ระบุว่า เขาจะสั่งการให้หน่วยสืบราชการลับ MI5 ช่วยผนึกกำลังกันต้านจารชนจากแดนมังกร พร้อมกับจัดตั้งกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศในรูปแบบเดียวกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามของจีนในโลกไซเบอร์ ตลอดจนเขาจะศึกษาความเป็นไปได้ในการสั่งห้ามจีนเข้าซื้อกิจการ ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์สำคัญยิ่งของอังกฤษ รวมทั้งในบริษัทเทคโนโลยี ที่มีความล่อแหลมเชิงยุทธศาสตร์
นายซูนัก ยังวิพากษ์วิจารณ์จีนอย่างดุเดือดอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขโมยเทคโนโลยี การแทรกซึมเข้ามาในมหาวิทยาลัย การสนับสนุนผู้นำรัสเซีย การกลั่นแกล้งชาติเพื่อนบ้าน เช่น ไต้หวัน การสร้างหนี้สินล้นพ้นตัวให้กับชาติกำลังพัฒนาภายใต้โครงการริเริ่ม “สายแถบและเส้นทาง” หรือ “เบลต์แอนด์โรด” การละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง และการกดค่าเงินหยวนเพื่อสร้างความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ
แน่นอนว่า นโยบายเหล่านี้โดนใจสายเหยี่ยวในพรรคอนุรักษนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อาจเรียกคะแนนนิยมกลับคืนมาไม่ทัน ในขณะที่คะแนนนิยมของนางทรัสส์ในหมู่สมาชิกพรรค 2 แสนคนทั่วประเทศ กลับดีวันดีคืน โดยพรรคอนุรักษนิยมจะประกาศชื่อผู้ชนะในวันที่ 5 ก.ย.
อย่างไรก็ตาม หากนางทรัสส์ ได้เป็นหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีหญิงสืบต่อจากนายบอริส จอห์นสัน ซึ่งจำใจต้องลาออกจากตำแหน่งด้วยเรื่องอื้อฉาวจัดปาร์ตี้ละเมิดมาตรการโควิด-19 นโยบายของนางก็กร้าวพอๆ กัน และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปจากนโยบายของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ซึ่งคู่แข่งทั้งสองเป็นรัฐมนตรี
เมื่อปีที่แล้วภายใต้แรงกดดันทางการเมืองอย่างดุเดือดจากสหรัฐฯ รัฐบาลอังกฤษจึงสั่งห้ามบริษัทหัวเว่ยของจีนเข้าร่วมการสร้างโครงข่าย 5 จี ในอังกฤษ
ส่วนทรัสส์ เองเมื่อเร็วๆ นี้ เพิ่งเรียกร้องให้ชาติกลุ่มเศรษฐกิจชั้นนำทั้ง 7 หรือจี-7 จัดตั้งกลุ่มนาโต้ด้านเศรษฐกิจ (economic Nato) ขึ้นมา เพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากพญามังกร แถมขู่ด้วยว่า หากปักกิ่งไม่เล่นตามกฎกติกาสากล ก็จะถูกอังกฤษคว่ำบาตรอย่างแน่นอน
ข้อมูลจาก “Rishi Sunak vows to get tough on China, Britain’s ‘biggest long-term threat” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์