กลุ่มรณรงค์ในอังกฤษเผยแพร่ผลการศึกษา ซึ่งสวนทางกับข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ และชาติตะวันตกอื่นๆ ที่กล่าวโทษจีนว่า สร้างกับดักหนี้ให้ชาติในทวีปแอฟริกา โดยผลการศึกษาชิ้นนี้ระบุว่า ชาติในทวีปแอฟริกาเป็นหนี้ชาติตะวันตก มากกว่าเป็นหนี้กับจีนถึง 3 เท่า แถมถูกโขกดอกเบี้ยแพงกว่าอีกด้วย
กลุ่มรณรงค์การกุศล“เดบ์ต จัสทิส” (Debt Justice) ในอังกฤษ ซึ่งต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของลูกหนี้ ได้เผยแพร่ผลการศึกษาเมื่อวันจันทร์ (11 ก.ค.) ซึ่งเป็นการคำนวณจากข้อมูลของธนาคารโลก และพบว่า ทวีปแอฟริกาเป็นหนี้กับต่างประเทศ ในส่วนเจ้าหนี้จีนแค่ร้อยละ 12 แต่เป็นหนี้ถึงร้อยละ 35 กับเจ้าหนี้เอกชน (private creditors) ของชาติตะวันตก ซึ่งมีทั้งธนาคาร ผู้จัดการสินทรัพย์ และเทรดเดอร์น้ำมัน
นอกจากนั้น เจ้าหนี้เอกชนตะวันตกยังคิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าของจีนเกือบ 2 เท่า คือเฉลี่ยร้อยละ 5 ขณะที่จีนคิดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 2.7
ในกลุ่มชาติหนี้สินมากที่สุด 22 ชาติ มี 12 ชาติที่ผ่อนชำระหนี้กว่าร้อยละ 30 ของหนี้สินต่างชาติทั้งหมด ให้เจ้าหนี้เอกชนตะวันตก เช่น สาธารณรัฐกาบูเวร์ดี ชาด อียิปต์ กาบอง มาลาวี โมร็อกโก รวันดา เซเนกัล ตูนิเซีย และแซมเบีย
ชาติที่อ่วมสุดในกลุ่ม คือ เซาท์ซูดาน ผ่อนชำระหนี้ร้อยละ 81 ให้เจ้าหนี้เอกชนตะวันตก แต่มีหนี้ที่ต้องผ่อนชำระให้จีนแค่ร้อยละ 11 ส่วนกานาผ่อนชำระหนี้ต่างประเทศกว่าครึ่งหนึ่งให้เจ้าหนี้เอกชนตะวันตก มีหนี้ที่ต้องผ่อนชำระให้จีนแค่ร้อยละ 11 และหนี้ที่เหลือผ่อนชำระให้ผู้ปล่อยกู้พหุภาคี (multilateral lenders) และรัฐบาลชาติอื่นๆ
ส่วนอีก 6 ชาติในกลุ่มนี้ ชำระเงินกู้กว่าร้อยละ 30 ให้แก่จีน ได้แก่ แองโกลา แคเมอรูน สาธารณรัฐคองโก จิบูตี เอธิโอเปีย และแซมเบีย โดยแองโกลาชำระหนี้สินต่างประเทศร้อยละ 59 ให้แก่จีน ส่วนจิบูตี ซึ่งจีนทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการก่อสร้างท่าเรือและเขตการค้าเสรี รวมทั้งฐานทัพในต่างประเทศแห่งแรกของจีนนั้น มีหนี้สินต่างประเทศในส่วนที่ต้องชำระให้จีนร้อยละ 64
มีการเผยแพร่ผลการศึกษาชิ้นนี้สู่สาธารณชน ก่อนหน้าการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ หรือจี-20 ที่อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 15-16 ก.ค.2565 โดย นายทิม โจนส์ หัวหน้านโยบายของ “เดบ์ต จัสทิส” ระบุว่า ผู้นำชาติอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือจี-7 ตำหนิจีนว่า เป็นคนก่อวิกฤตหนี้ในแอฟริกา ซึ่งเป็นการทำให้คนเข้าใจไขว้เขว เพราะตามข้อเท็จจริงคือเจ้าหนี้เอกชนชาติตะวันตกต่างหากที่ต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ แต่ผู้นำจี-7 กลับปล่อยให้หลุดพ้นจากความรับผิดชอบ
นายโจนส์ ยังระบุด้วยว่า จีนได้เข้าร่วมแผนริเริ่มผ่อนปรนภาระหนี้สิน (Debt Service Suspension Initiative) ของจี-20 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่กลุ่มชาติยากจนที่สุด ระหว่างการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เจ้าหนี้เอกชนชาติตะวันตกมิได้เข้าร่วม ซึ่งทำให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินไม่ประสบผลสำเร็จ นายโจนส์ เรียกร้องให้ชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอังกฤษและสหรัฐฯ ออกกฎหมายเพื่อบังคับให้เจ้าหนี้เอกชนของตนเข้าร่วมในแผนริเริ่มของจี-20 ดังกล่าว
ด้านนาย Yungong Theo Jong หัวหน้าโครงการของ “แอฟริกันฟอรั่มและเครือข่ายหนี้และการพัฒนา” (African Forum and Network on Debt and Development - Afrodad) กล่าวว่า เจ้าหนี้พหุภาคีและเจ้าหนี้เอกชนยังคงเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของรัฐบาลชาติในทวีปแอฟริกา โดยเงินกู้จากจีนทำให้แอฟริกาเป็นหนี้เพิ่มขึ้น แต่ยังน้อยกว่าเงินกู้จากเจ้าหนี้ชาติตะวันตก เจ้าหนี้ทุกรายจึงต้องเข้าร่วมแผนริเริ่มผ่อนปรนหนี้ของจี-20 และรัฐบาลชาติตะวันตกต้องเป็นผู้นำในการผลักดันให้เจ้าหนี้เอกชนยกเลิกหนี้แก่ชาติยากจนเสีย
ข้อมูลจาก "China 'not to blame' for African debt crisis, it's the West: study" จากเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์