2.กำเนิด “แก๊งมีดทำครัวแห่งถังซัน” และฝันร้ายของตำรวจ
ในวันที่ 28 ก.ค.1976 (พ.ศ.2519) ถือเป็นวันวิปโยคของแผ่นดินจีน โดยในตอนตีสาม ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.8 ริกเตอร์ เมืองถังซันซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมที่มีประชากรกว่าล้านคนกลายเป็นกองขยะซากปรักหักพังในพริบตา ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 300,000 คน
ชาวถังซันตะเกียกตะกายขึ้นมาจากซากปรักหักพัง จับมือกันช่วยเหลือผู้คนสร้างตำนานวีรบุรุษ วีรบุรุษและวีรสตรีแห่งถังซันลุกขึ้นจากกองขยะร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูเมือง สร้างเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์มากมาย ด้วยเหตุนี้ ถังซันจึงได้ชื่อเป็นเมืองแห่งวีรบุรุษเมืองหนึ่งที่น่าจดจำ ทว่า ชื่อเมืองถังซันที่ยิ่งใหญ่นี้ก็มีอันแปดเปื้อนด้วยน้ำมือของแก๊งมาเฟียและกลุ่มอันธพาล
เด็กชายหยังซู่ควน วัย 7 ขวบ ประสบฝันร้ายในชีวิตจากการสูญเสียแม่และน้องสาวในเหตุแผ่นดินไหว ส่วนพ่อกลายเป็นคนพิการและถูกบีบออกจากงาน ต้องเผชิญชีวิตที่ยากลำบาก ขายขนมเปี๊ยะไส้แพะในร้านที่ตกทอดจากบรรพบุรุษหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว อย่างไม่มีใครคาดคิด เขาได้เปิดโลกมาเฟียอันดำมืดขึ้นมา...
ในยุคที่เด็กชายหยังซู่ควน เติบโตเจริญวัย คือช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ของศตวรรษที่แล้ว ชาวจีนได้เผชิญการต่อสู้ทางวัฒนธรรม การรบราฆ่าฟัน ความวุ่นวายสารพัด ซึ่งได้ทิ้งพิษตกค้างในสังคมมากมาย บางคนก็ชาชินไปกับมัน ต่อมา จีนเข้าสู่ยุคปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศ ท่ามกลางการขับเคลื่อนของผลประโยชน์ “เหล่าร้ายเสือสิงห์กระทิงแรด” ต่างก็สำแดงเขี้ยวเล็บต่อสู้แก่งแย่งผลประโยชน์ กระพือความวุ่นวายในสังคมไม่รู้จบสิ้น การรักษาความสงบในสังคมต้องเผชิญปัญหาอุปสรรคมหากาฬ
“มันเป็นหนึ่งในผลพวงที่เปรียบได้กับโรคแทรกซ้อนตกค้างจากความวุ่นวายในช่วงสิบปีก่อนหน้า และเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดกลุ่มอันธพาลเที่ยวเกะกะระรานทำร้ายผู้คน ก่อเหตุรุนแรง และอาชญากรรมต่างๆ...”
“โรคแทรกซ้อนตกค้าง” ดังกล่าวในเมืองถังซัน มณฑลเหอเป่ย ได้สำแดงฤทธิ์อย่างรุนแรง
หลังจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว ถังซันได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนทั่วประเทศ เมื่อมองอย่างผิวเผินแล้วการฟื้นฟูเมืองถังซันเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีกลุ่มหนุ่มสาวที่สูญเสียงานอาชีพไม่มีอะไรทำ เที่ยวก่อเรื่องทะเลาะวิวาททำร้ายผู้คน วันๆ สุมหัวกันจนกระทั่งได้จัดตั้งกลุ่มที่มีชื่อฉาวโฉ่ ว่า “แก๊งมีดทำครัว” ซึ่งเป็นดั่งเชื้อโรคร้ายที่ซ่อนตัวค่อยๆ ทำลายความสงบสุขในสังคม
“แก๊งมีดทำครัว” มีสมาชิกจำนวนมากเป็นกลุ่มวัย 20 กว่าปี ไม่ค่อยรู้กฎหมาย อยากได้อะไรก็ใช้กำลังปล้นชิงจากประชาชนที่ทำมาหากินตัวเป็นเกลียว อาวุธหลักที่พวกเขาใช้คือ มีดทำครัว ซึ่งได้กลายมาเป็นชื่อแก๊ง
ในตอนแรกเริ่มก่อตั้งแก๊ง พวกเขาเป็นแค่หัวขโมยเล็กๆ ที่เที่ยวรีดไถทรัพย์ขโมยข้าวของชาวบ้าน เก็บค่าคุ้มครอง เมื่อไม่มีใครปราบได้ลง พวกนี้ก็กำเริบเสิบสานมากขึ้นๆ เริ่มก่อเรื่องเลวร้ายตามอำเภอใจ
พวกนี้ไม่เพียงก่อเหตุรุนแรงทำร้ายร่างกายปล้นชิงทรัพย์สินประชาชนทั่วไป แม้แต่ตำรวจก็เดือดร้อนไม่ได้มีชีวิตที่สงบสุข
ในเดือน พ.ค.1982 (พ.ศ.2525) นายเจ้าไห่เฉวียน สมาชิกของแก๊งมีดทำครัวที่เคยเข้าค่ายแรงงานและอบรมสั่งสอน ก็ได้ก่อเหตุอุกฉกรรจ์กลางวันแสกๆ ซ้อมเด็กสาวคนหนึ่ง
เด็กสาววิ่งหนีไปยังสถานีตำรวจหลินซี เพื่อขอความช่วยเหลือ ผลปรากฏ เจ้าไห่เฉวียนวิ่งตามไปถึงสถานีตำรวจ ทำร้ายเด็กสาวต่อหน้าตำรวจ
ตำรวจนายหนึ่งคือ เสี่ยวจู ได้เข้ามาลากวายร้ายออกไป เจ้าไห่เฉวียน ตอกหน้าตำรวจไปว่า แม่สาวคนนี้เป็นแฟนของตน เป็นเรื่องภายในครอบครัว “อย่ามาแส่...”
ในที่สุด เจ้าไห่เฉวียน ถูกจับ เข้าค่ายแรงงาน 11 เดือน แน่นอนเสี่ยวจู นายตำรวจที่ทำคดีนี้ก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะสร้างฝันร้ายในชีวิตตามมา
3.เมื่อ นายเจ้าไห่เฉวียน ออกจากค่ายแรงงาน สิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่การกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่เป็นพลเมืองดี แต่เขาตรงไปยังสถานีตำรวตร้องตะโกนท้าทายเสี่ยวจู
ในตอนแรกเขาแค่ไปตะโกนด่าทอที่หน้าประตูสถานีตำรวจ เมื่อเห็นว่าตำรวจไม่ยี่หระ ก็ยิ่งทวีความร้ายกาจ พาเพื่อนอันธพาลสองสามคนไปหาเรื่องถึงบ้านของเสี่ยวจู
เจ้าไห่เฉวียน และเสี่ยวจู เปิดศึกตะลุมบอนสู้กัน เสี่ยวจูลั่นกระสุนปืนปกป้องตัวเองไปโดนที่ขาของเจ้าไห่เฉวียน กระสุนนัดเดียวที่ทำให้เจ้าไห่เฉวียนหลั่งเลือดนี้ได้กลายเป็นเหตุข้ออ้างในการเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ
ครอบครัวของเจ้าไห่เฉวียน ได้ยื่นฟ้องร้อง ยกเหตุข้ออ้างเรื่องเสี่ยวจู ละเมิดหน้าที่ใช้ปืนทำร้ายผู้อื่นมากดดันสถานีตำรวจ จนในที่สุด เสี่ยวจู ก็ถูกพักงานเพื่อไปทบทวนตรวจสอบตัวเอง
หลังจากที่ถูกพักงานแล้ว ทางสถานีตำรวจเห็นว่าเสี่ยวจู ไร้อาวุธที่จะป้องกันตัวเอง จึงให้เขาอยู่ในสถานีตำรวจ อย่าว่าแต่นายตำรวจธรรมดาๆ แม้แต่ผู้กำกับการสถานีตำรวจก็ไม่ได้อยู่สงบสุข
กงเจิ้น ผู้กำกับสถานีตำรวจนายหนึ่งถูกแก๊งอันธพาลปาระเบิดใส่บ้าน ไม่มีบ้านให้กลับอีกต่อไป
นายตำรวจ 12 คนที่ประจำสถานีตำรวจหลินซี 3 คนถูกแก๊งมาเฟียทำร้ายบาดเจ็บ อีก 1 คนถูกพักงานและให้ตรวจสอบตัวเอง อีกคนก็ไม่มีบ้านให้กลับไปเช่นกัน
ปี พ.ศ.2526 อันธพาล 2 คนของแก๊งมีดทำครัว มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันที่ร้านอาหาร และได้ใช้เก้าอี้ฟาดทำร้ายกัน อันธพาลคู่อริต่างได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน ไม่เพียงแค่นั้น พวกมันยังฟาดลูกค้าที่นั่งกินอาหารอยู่ที่โต๊ะข้างๆ จนกะโหลกศีรษะยุบ
ที่ร้ายกาจที่สุดคือ สมาชิกแก๊งมีดทำครัวยังเรียกร้องให้ลูกค้าที่โดนทำร้ายจ่ายค่ารักษาค่ายาให้พวกมันอีก เมื่อลูกค้าปฏิเสธ พวกอันธพาลก็ตามไปที่โรงพยาบาล ฉกนาฬิกาของลูกค้าคนนั้นไป
นอกจากทำร้ายผู้คน ปล้นสะดมชาวบ้าน พวกอันธพาลยังก่อเรื่องชั่วร้ายสารพัดสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายไม่หยุดหย่อน
4.ต่อมาไม่นาน แก็งอันธพาลก็ได้เปิดศึกใหญ่ห้ำหั่นกันเองในเหมืองหลินซี โดยคู่อริทั้งหมดเป็นสมาชิกแก๊งมีดทำครัว พวกมันถือพลั่วเหล็ก ท่อนไม้ และอาวุธอื่นๆ กรูเข้าฟาดฟันกันหมายให้แหลกตายกันไปข้าง จนกระทั่งเขตเหมืองต้องหยุดงานหยุดการผลิต 4 ชั่วโมง การจราจรเป็นอัมพาต สร้างความเสียหายมหาศาล
หลังจากนั้น หน่วยตำรวจเมืองถังซัน ได้จัดทีมตำรวจเข้าไปประจำที่เขตหลินซี จับกุมสมาชิก ‘แก๊งมีดทำครัว’ 43 คน หลังจากการจับกุม ครอบครัวของสมาชิกมาเฟียก็เริ่มทยอยยื่นฟ้องร้อง วิ่งเต้นหาเส้นสายผู้นำที่ทรงอิทธิพลในเมืองกันอย่างครึกโครม ไม่มีกระมิดกระเมี้ยนกันเลย
ในกลุ่มอันธพาล 43 คนที่ถูกจับกุมไปนั้น 36 คน ได้รับการละเว้นโทษ และกลุ่มอันธพาล 13 คน ที่ถูกตัดสินไปอยู่ค่ายแรงงาน ถูกส่งตัวกลับให้มารับโทษคุมขัง ไม่นานพวกที่ถูกคุมขังก็ได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่ญาติมาประกันตัว
หลังการถูกจับกุมและปล่อยตัวคนร้ายให้ออกไปลอยนวลในแต่ละครั้ง ยิ่งทำให้สมาชิก ‘แก๊งมีดทำครัว’ กำเริบเสิบสาน มีอยู่ครั้งหนึ่งพวกอันธพาลฉกไข่ไก่จากแผงลอยกลางวันแสกๆ เมื่อเจ้าของแผงลอยเรียกเก็บ “เงิน” ยังไม่ทันขาดคำ อันธพาลก็ชักมีดทำครัววาววาบออกมา พุ่งไปจ่อที่คอหอยเจ้าของแผงขายไข่...
ในปีนั้น ทหารปลดแอกกองทัพประชาชนกำลังนั่งรถกลับบ้าน และเกิดเหตุทะเลาะชกต่อยกับสมาชิกแก๊งมีดทำครัว จนถูกฟันด้วยมีด เลือดไหลนองพื้นรถประจำทาง แต่อันธพาลก็รอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายลอยนวลไปได้อีก
แก๊งมีดทำครัว ทำการป่าเถื่อนเมินกฎหมายเย้ยฟ้าท้านรก ก่ออาชญากรรมสารพัดป่วนเมือง ชาวถังซันได้แต่โกรธแค้นแต่ไม่กล้าพูด มีชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวนไปวันๆ
วันที่ 16 ก.ค.2526 หลิวฟู่จือ รัฐมนตรีกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ในยุคสมัยนั้น ได้เสนอรายงานปฏิบัติการปราบมาเฟียอันธพาลกับเติ้งเสี่ยวผิง ที่เป่ยไต้เหอ เมืองฉินหวงเต่า มณฑลเหอเป่ย โดยใช้ ‘แก๊งมีดทำครัว’ ในถังซันเป็นรายงานตัวอย่างมาตรฐานของปฏิบัติการที่จะขยายไปทั่วประเทศ
เติ้งเสี่ยวผิง ประกาศิตอย่างชัดถ้อยชัดคำให้ปราบปรามอาชญากรรมทุกชนิดอย่างเด็ดขาด...สอบสวน และตัดสินคดี ลงโทษสถานหนัก และดำเนินการอย่างรวดเร็วดังสายฟ้าฟาด
วันที่ 25 ก.ค. สถานีตำรวจประจำถังซันได้รับโทรศัพท์จากหลิงฟู่จือ “มอบหมายหน้าที่แก้ไขปัญหา ‘แก๊งมีดทำครัว’ อย่างราบคาบภายในหนึ่งสัปดาห์ ไม่ต้องพูดถึงประชาธิปไตยใดๆ อย่าให้หลุดรอดไปได้แม้ตัวเดียว มิฉะนั้นแล้วก็เตรียมตัวลงจากตำแหน่ง”
ด้วยคำสั่งการที่ใช้อนาคตเจ้าหน้าที่เป็นเดิมพันนี้เอง หน่วยตำรวจประจำถังซันจึงระดมสรรพกำลังที่ทรงพลังดั่งสายฟ้าผ่า ตะลุยปราบ ‘แก๊งมีดทำครัว’ ให้สิ้นซาก ทั้งหัวหน้าใหญ่ของแก๊ง และสมาชิกตัวเอ้
เมื่อชาวถังซันเห็นความเคลื่อนไหวแก้ปัญหาอาชญากรรมอย่างจริงจังเช่นนี้ ต่างออกมาเข้าร่วมปฏิบัติการล้างบางวายร้ายขจัดสิ่งชั่วร้ายสามานย์ คนที่มีเงินก็ออกเงิน คนที่มีแรงก็ออกแรง
บางคนก็ออกเรี่ยไรเงินเพื่อจัดซื้อตะบองจับผู้ร้ายให้ตำรวจทุกคน หน่วยงานธุรกิจต่างๆเมื่อรู้ข่าวก็มอบรถของหน่วยงานให้แก่หน่วยตำรวจใช้ในการจับกุมสมาชิกแก๊งอาชญากรรม
หนุ่มคนงานเหมืองคนหนึ่งได้ยกมอเตอร์ไซค์ที่ตนเพิ่งซื้อมาใหม่ๆ บริจาคให้ตำรวจขับขี่ไล่ล่าเหล่าร้าย ‘แก๊งมีดทำครัว’
ภายในหนึ่งสัปดาห์ ตำรวจเมืองถังซันสามารถทลายแก๊งอันธพาล 6 กลุ่ม จับกุมตัวคนร้ายที่ก่ออาชญากรรม 105 คน ยิงเป้าคนร้ายดับไป 50 กว่าคน
เมื่อถังซันลั่นกระสุนนัดแรก “ปราบปรามเด็ดขาด” เพื่อกวาดล้างแก๊งมาเฟีย จีนก็ขยายปฏิบัติการปราบมาเฟียอันธพาลแบบปูพรมทั่วประเทศอย่างฉับไว ระหว่างปฏิบัติการปราบปรามมาเฟียอย่างดุเดือดครั้งนี้ มีคนถูกยิงเป้า 24,000 คน!
ในด้านของผู้นำจีน ปฏิบัติการกวาดล้างมาเฟีย อันธพาล มีเป้าหมายสร้างสภาพแวดล้อมการปกป้องแผ่นดินที่ดี สร้างเงื่อนไขที่ส่งเสริมการปฏิรูปและเปิดประเทศ
แม้ว่าในยุคปฏิรูปเปิดประเทศ พวกแก๊งมาเฟียถูกปราบอย่างเด็ดขาด แต่ทว่า “ไฟป่าที่ลุกโหมยังไม่อาจเผาผลาญรากไม้รากหญ้าได้สิ้น เมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาอีกครั้งก็งอกผุดขึ้นมาใหม่”
โปรดติดตามย้อนรอย ‘โคตรมาเฟียแห่งเมืองถังซัน’ ระห่ำท้าทายฟ้าดิน ตอนที่สาม