xs
xsm
sm
md
lg

Exclusive หวนคืนแดนมังกร: มหากำแพง Zero Covid

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัฐบาลจีนเปิดทางเข้าประเทศ แต่ตรวจโรคสุดเข้ม ค่าตั๋วเครื่องบินเป็นแสน หวังลบภาพ “ปิดประเทศ” จากนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์”หรือ Zero Covid

รัฐบาลจีนใช้มาตรการสุดเข้มงวดมานานเกือบ 3 ปี ชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศจีนได้ มีเพียงคนบางกลุ่ม เช่น ครอบครัวชาวจีน คนทำงาน นักศึกษาบางส่วนที่กลับเข้าเมืองจีนได้ แต่ก็มีจำนวนน้อยมาก.ทว่า รัฐบาลจีนยืนยันว่าไม่ได้ “ปิดประเทศ” บุคคลสำคัญยังสามารถเข้าประเทศจีนได้ เช่น นักวิชาการ สื่อมวลชน นักธุรกิจ กิจกรรมและความร่วมมือระหว่างประเทศยังคงมีขึ้น เพียงแต่คนที่จะเข้าเมืองจีนจะต้องปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด

ผู้สื่อข่าว MGR Online ได้รับอนุญาตจากสถานทูตจีน ประจำประเทศไทย ให้เดินทางไปยังประเทศจีน เป็นสื่อไทยรายเดียวที่ได้เข้าไปยังแดนมังกรได้ในรอบกว่า 3 ปี

แม้ว่าจะได้รับการอำนวยความสะดวกจากสถานทูตจีนอย่างมาก แต่การเข้าประเทศจีนในขณะนี้ยังมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากทั้งทางตรงและทางอ้อม แม้แต่ชาวจีนที่อยู่ในต่างประเทศจำนวนมากก็ไม่อาจจะกลับบ้านเกิดตัวเองได้


วีซ่า รัฐบาลจีนได้ระงับการออกวีซ่าเกือบทุกประเภท มีเพียงผู้ที่ได้รับเชิญจากหน่วยงานในประเทศจีน หรือครอบครัวชาวจีนเท่านั้นที่ยื่นขอวีซ่าได้ โดยจะต้องกรอกเอกสารอย่างละเอียดทั้งประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประวัติการเดินทางในรอบ 2 ปี เหตุผลที่จะไปประเทศจีน กำหนดการเดินทาง ฯลฯ เมื่อกรอกเอกสารทางออนไลน์แล้ว ทางสถานทูตจะนัดวันเวลาให้มายืนขอวีซ่ากับสถานทูตโดยตรง

รหัสสุขภาพ ถึงแม้จะได้รับวีซ่า แต่ก็ยังไม่สามารถขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศจีนได้หากไม่มี รหัสคิวอาร์โค้ดสีเขียว เพื่อยืนยันว่าปลอดเชื้อ การได้รหัสสุขภาพเป็นด่านที่ยุ่งยากที่สุด ในอดีตจะต้องตรวจ PCR 14 และ 7 วันก่อนเดินทาง และยังต้องตรวจแอนติบอดีในเลือด เพื่อหาว่าเคยมีประวัติการติดเชื้อหรือไม่

ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการใหม่ ผู้ที่จะเข้าประเทศจีนต้องตรวจหาเชื้อถึง 3 ครั้ง คือ PCR 2 ครั้ง 48 ชั่วโมง และ 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และก่อนขึ้นเครื่องบิน 12 ชั่วโมงยังต้องตรวจ ATK อีกครั้ง.ต้องใช้ผลตรวจจาก 2 โรงพยาบาลที่แตกต่างกัน และเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ในรายชื่อที่สถานทูตจีนกำหนด ในกรุงเทพมี 26 โรงพยาบาล ต่างจังหวัดมี  7 โรงพยาบาล

การตรวจที่เข้มงวดต้องวางแผนกะเวลาอย่างรัดกุม เพราะบางโรงพยาบาลต้องรอผลตรวจข้ามวันซึ่งไม่ทันเวลา ค่าใช้จ่ายในการตรวจ 3 ครั้งเกือบ 10,000 บาทเมื่อได้ผลการตรวจทั้ง 3 ครั้งแล้ว ทางสถานทูตก็จะออกรหัสสุขภาพสีเขียวให้


รหัสนี้จะใช้ได้เพียง 60 ชั่วโมงเท่านั้น ซี่งหมายความหากเต้องเลื่อนเที่ยวบินไม่ว่าด้วยเหตุอะไร ก็ต้องตรวจโรคและขอรหัสสุขภาพอีกครั้ง.สำหรับชาวจีน หรือพนักงานของบริษัทหรือรัฐวิสาหกิจจีนในไทย ที่จะกลับประเทศจีน จะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นอีก เพราะต้องกักตัวล่วงหน้า 10 วันก่อนขึ้นเครื่อง ที่โรงแรมหรือสถานที่ที่กำหนด และจะต้องยื่นใบรับรองที่ประทับตราของหน่วยงานต้นสังกัด จึงจะขอรหัสสุขภาพได้.ส่วนผู้ที่เคยมีประวัติติดเชื้อก็ต้องรอนานถึง 6 สัปดาห์เต็มหลังหายป่วย และทำการตรวจยืนยันผลหลายอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อหลงเหลืออยู่.

เที่ยวบินแทบไม่มี ในช่วงปกติเที่ยวบินจากกรุงเทพถึงเมืองต่าง ๆ ในจีนมีทุกวัน วันละหลายเที่ยว แต่ในช่วงนี้เที่ยวบินมีเพียงเดือนละ 3-4 เที่ยวเท่านั้น และไม่มีเที่ยวบินไปยังเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการระบาด.ทางสถานทูตแจ้งว่า การเดินทางจากกรุงเทพยังถือว่าสะดวก เพราะยัง “พอมี” เที่ยวบิน แต่หลายประเทศไม่มีเที่ยวบินไปจีนเลย จำเป็นต้องเดินทางมาเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศที่ 3 ซึ่งต้องตรวจโรค ขอวีซ่า และทำตามมาตรการของประเทศที่ 3 ด้วย สร้างความยุ่งยากเพิ่มอีก

บินตรงไม่ได้  ผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศจีนยังไม่สามารถบินตรงไปยังเมืองจุดหมายได้ เช่น ไม่สามารถบินตรงไปยังปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ต้องแวะกักตัวที่เมืองรองเมืองใดเมืองหนึ่งก่อน เมื่อกักตัวครบแล้วจึงจะเดินทางต่อไปยังเมืองเป้าหมายได้.

ตั๋วราคาเทพ  ราคาตั๋วที่ปกติแล้วอยู่ราวหลักหมื่น แต่ขณะนี้ตั๋วกรุงเทพ-จีนมีราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อ คือ หลักแสนบาท แต่ที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าคือ คนจองตั๋วมากมาย ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่ต้องการกลับบ้านที่บอกว่า ตั๋วแพงและยังเลือกไม่ได้ เพราะมีแค่เดือนละไม่กี่เที่ยวบิน ต้องรีบจองเพื่อไปลงยังเมืองไหนก็ได้ในจีน เมื่อกักตัวเสร็จจึงเดินทางต่อไปยังบ้านตัวเอง.


กักตัวมาราธอน จำนวนวันกักตัวหลังโอไมครอน คือ 21+7 หมายถึงกักตัว 21 วันที่เมืองรอง จากนั้นเฝ้าดูสุขภาพที่เมืองจุดหมายอีก 7 วัน กักตัวคืออยู่ในโรงแรมที่รัฐกำหนด ห้ามออกนอกห้อง ส่วนเฝ้าดูสุขภาพคือ อยู่ที่บ้านตัวเอง ออกนอกบ้านได้ แต่ต้องตรวจหาเชื้อทุก 3 วัน ค่าใช้จ่ายในการกักตัวทั้งค่าที่พักและอาหาร ผู้เดินทางต้องจ่ายเอง

ตั้งแต่เดือนมิถุนายน รัฐบาลจีนได้ผ่อนปรนการกักตัวเหลือ 14+7 คือ กักตัวที่โรงแรม 14 วัน และเฝ้าดูสุขภาพ 7 วัน

การจำกัดการออกวีซ่า การตรวจโรคสุดเข้มงวด เที่ยวบินที่น้อย ราคาตั๋วสุดแพง และการกักตัวอันยาวนาน ทำให้ต้นทุนในการเดินทางไปจีนแพงมหาศาล ใช้เวลาและพลกำลังอย่างมาก เป็นดั่ง “มหากำแพง” ที่ขวางกั้นการเข้าสู่แดนมังกร ชาวจีนจำนวนมากยอมตกค้างอยู่ในต่างแดนนานกว่า 2 ปี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชาวต่างชาติที่ต่างบอกว่า มาตรการเช่นนี้คือการกีดกันคนเข้าประเทศ เหมือนกับบอกว่า “อย่ามาเลยเมืองจีน”


ด้านรัฐบาลจีนยืนยันว่า มาตรการควบคุมโรคไม่ใช่ “ปิดประตูตาย” แต่ได้ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ผู้ที่มีความจำเป็นและปฏิบัติตามข้อกำหนด ก็เดินทางเข้าจีนได้ นโยบายที่เข้มงวดนี้ คือ การให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพของประชาชนกว่า 1,400 ล้านคน

ในวันนี้ที่เกือบทั่วโลก “เปิดประเทศ” เต็มตัว แต่จีนยังตั้งการ์ดสูง พร้อมประกาศว่ามั่นใจว่าจะชนะศึกนี้อย่างแน่นอน การได้ ”รหัสเขียว” ให้เข้าสู่แดนมังกรจากไทยเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น แต่มหากำแพงยังตระหง่านอยู่เบื้องหน้า.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)


กำลังโหลดความคิดเห็น