ประธานสภานิติบัญญัติแดนมังกรน้อยโว ไต้หวันมีศักยภาพโจมตีได้ถึงเมืองหลวงจีน ด้วยขีปนาวุธซูเปอร์โซนิกพิสัยกลางที่ผลิตเอง ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่ขั้นตอนผลิตจำนวนมากแล้วด้วย เตือนจีนคิดให้ดีๆ ก่อนบุกไต้หวัน
ในการปราศรัยที่ Taiwan Overseas Network เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา โหยวซีคุน (游锡堃)ประธานสภานิติบัญญัติแห่งไต้หวัน หรือสภาหยวน กล่าวว่า ไต้หวันไม่คิดที่จะเผชิญหน้ากับจีน แต่ก็มีกองกำลังที่ทรงศักยภาพโต้กลับได้ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งใดๆ ดังนั้นจีนต้องคิดให้ดีๆ ก่อนบุกไต้หวัน
“ไต้หวันจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีจีนก่อน แต่ก่อนที่จีนจะโจมตีไต้หวัน ต้องคิดให้ดีๆ ก่อนเพราะไต้หวันก็มีศักยภาพในการโจมตีกลับเช่นกัน" เขากล่าว พร้อมเผยว่า ไต้หวันมีขีปนาวุธร่อนซูเปอร์โซนิกอวิ๋นเฟิง (Yun Feng) ที่พัฒนาขึ้นเอง สามารถโจมตีถึงกรุงปักกิ่ง และขณะนี้กำลังผลิตออกมาจำนวนมาก (mass production)”
“สงครามยูเครนเป็นบทเรียนที่ดีที่ไต้หวันกำลังเรียนรู้ โดยไต้หวันอาจเหมือนกับยูเครนที่พร้อมโต้ตอบกองกำลังศัตรูที่จะมารุกรานในอนาคต” โหยวซีคุน ซึ่งเป็นผู้นำจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าหรือพรรครัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ใน 2 วันต่อมา (14 มิ.ย.) สื่อในไต้หวันระบุว่า โหยวซีคุน ออกมาพลิกลิ้นบอกว่า “ผมไม่ได้พูดเช่นนั้น ที่ผมพูดไปนั้นประเด็นหลักมุ่งพูดถึงสันติภาพ ผู้คนจึงสามารถอยู่เย็นเป็นสุข”
สำหรับขีปนาวุธซูเปอร์โซนิก ซึ่งซัดได้เร็วเหนือเสียง อวิ๋นเฟิง ชื่อที่แปลว่า ยอดเมฆนั้น เป็นที่เชื่อกันว่า ไต้หวันซุ่มพัฒนา อวิ๋นเฟิง อย่างลับๆ หลังจากที่เกิดวิกฤตช่องแคบไต้หวันในปี 1996 ซึ่งตอนนั้นจีนได้ทดสอบยิงขีปนาวุธปหลายลูกเฉียดดินแดนไต้หวันในระยะเผาขนเพื่อเตือนรัฐบาลลีเติงฮุย ในขณะนั้นที่กำลังเคลื่อนไหวตีตัวออกห่างจาก ‘นโยบายจีนเดียว’ ในตอนนั้นอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน แห่งสหรัฐฯ ได้ส่งหน่วยรบเรือบรรทุกเครื่องบินมาขวางลำในช่องแคบไต้หวัน วิกฤตจึงยุติลง
ในตอนแรกเริ่มการพัฒนาอวิ๋นเฟิง มีพิสัยหรือระยะยิงเพียง 600 ไมล์ หรือประมาณ 965.6 กิโลเมตร ต่อมาในปี 2018 ไต้หวันได้ปรับปรุงขีดความสามารถของอวิ๋นเฟิง เป็นเวอร์ชันใหม่ที่มีระยะยิง 1,200ไมล์ หรือ กว่า 1,931 กิโลเมตร โดยอวิ๋นเฟิงสามารถยิงดาวเทียมขนาดเล็กขึ้นยังวงโคจร และสามารถโจมตีได้ไกลถึงกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ซึ่งอยู่ห่างจากไต้หวัน ประมาณ 1,150 ไมล์ หรือกว่า 1,850 กิโลเมตร
นอกจากนี้ ไต้หวันยังมีแผนพัฒนาอุตสาหกรรมทหาร ที่มีขนาดพอที่จะพึ่งตัวเองได้ เพื่อเตรียมรับมือกับเพื่อนบ้านมหาอำนาจ
โหยวซีคุน ยังชี้ว่า “ไต้หวันมีข้อได้เปรียบในการปกป้องดินแดน คือ อันตรายทางธรรมชาติในช่องแคบไต้หวัน ในการบุกโจมตีไต้หวันจีนจะต้องข้ามช่องแคบไต้หวัน ซึ่งนี่คือจุดแตกต่างจากปฏิบัติการทหารรัสเซียในยูเครน หากคุณจะยกพลขึ้นบกก็ต้องส่งกอ งกำลังยึดหัวหาดให้ได้ หากยกพลขึ้นบกสำเร็จ ทุกคนในไต้หวันก็พร้อมสละชีพ...”
แหล่งข่าวสื่อท้องถิ่น UDN เผยว่า ระหว่างที่ไต้หวันทดลองยิงขีปนาวุธซูเปอร์โซนิกพิสัยกลาง ขีปนาวุธสยงเฟิง-3 (Hsiang Feng III ชื่อย่อ HF-3 ) ก็มีการทดสอบ อวิ๋นเฟิง ด้วย
อนึ่ง ไต้หวันได้แยกจากจีนในปี 1949 โดยหลังจากที่ผู้นำเจียงไคเช็ค แห่งพรรคก๊กมินตั๋ง แพ้สงครามกลางเมืองในจีน ก็นำกำลังถอยร่นไปตั้งหลักที่เกาะไต้หวัน โดยทีแรกหวังจะกลับมาตียึดปักกิ่งกลับคืนมา ส่วนจีนถือว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของมาตุภูมิจีนมาตลอด และขู่มาตลอดว่าอาจใช้กองกำลังเข้ายึดดินแดนหากจำเป็น
ที่มาข่าว
游锡堃称云峰飞弹“可打到北京”两日后澄清强调“和平”