ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา การสำรวจและวิจัย “วาฬบรูด้า” บริเวณน่านน้ำเกาะเหวยโจว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน กลายเป็นงานหลักของ “เฉินโม่” นักวิจัยผู้ช่วยและผู้นำทีมวิจัยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์กว่างซี
แต่ละปีเฉินจะใช้เวลาเกือบ 100 วัน อยู่บนเกาะเหวยโจว ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของอ่าวเป่ยปู้ ครอบคลุมพื้นที่ราว 25 ตารางกิโลเมตร และถือเป็นเกาะภูเขาไฟอายุน้อยที่สุดของจีน รวมถึงออกทะเลอีกกว่า 200 ครั้ง เพื่อบันทึกภาพและคลิปวิดีโอของวาฬชนิดนี้
โดยกลุ่มหน่วยงานวิทยาศาตร์ของจีน ได้แก่ สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์กว่างซี มหาวิทยาลัยอ่าวเป่ยปู้ และสถาบันชลชีววิทยา สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ได้เริ่มต้นการวิจัยเกี่ยวกับฝูงวาฬบรูด้าในน่านน้ำเกาะเหวยโจวเมื่อปี 2016 ซึ่งเฉิน และทีมงานได้ร่วมกันจัดตั้งฐานการวิจัยบนเกาะแห่งนี้ด้วย
“ช่วงปี 2016-2018 เราพบวาฬบรูด้าฝูงนี้มีสมาชิกอยู่ราว 10 ตัวเท่านั้น แต่ตอนนี้จำนวนวาฬในฝูงดังกล่าวมีเกือบ 50 ตัวแล้ว และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” เฉินกล่าว พร้อมเสริมว่า ยังมีการสำรวจพบแม่และลูกวาฬบรูด้า รวมถึงพฤติกรรมผสมพันธุ์ของวาฬบรูด้าโตเต็มวัยในน่านน้ำเกาะเหวยโจวอีกด้วย
ขณะที่น่านน้ำ “อ่าวไทย” อันห่างไกลจากอ่าวเป่ยปู้ของกว่างซีมากกว่า 1,000 กิโลเมตร แต่พรั่งพร้อมด้วยระบบนิเวศสภาพดี และแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ไม่ต่างกัน ก็พบเจอฝูงวาฬบรูด้าอยู่เป็นประจำ ทำให้เกิดความร่วมมือจีน-ไทย เพื่อดำเนินโครงการวิจัยและคุ้มครองวาฬชนิดนี้ร่วมกัน
เฉินเล่าว่า ทีมวิจัยวาฬบรูด้าในอ่าวไทย สังกัดกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของไทย เดินทางมากว่างซีเมื่อเดือน เม.ย.2019 เพื่อร่วมสำรวจน่านน้ำเกาะเหวยโจวนาน 7 วัน จากนั้นทีมวิจัยของจีนก็เดินทางสู่อ่าวไทยในเดือน ต.ค.ของปีเดียวกัน เพื่อทำการสำรวจแบบเดียวกัน จนนำไปสู่การกำหนดข้อตกลงสำรวจวาฬบรูด้าร่วมกันทุก 2 ปี
ทั้งนี้ ทีมวิจัยของจีนและไทยได้แลกเปลี่ยนและร่วมมือด้านเทคนิคและวิธีการสำรวจวาฬบรูด้า รวมถึงวิธีการวิจัยและประมวลผลข้อมูลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลชนิดอื่นๆ ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายร่วมยืนยันหลังดำเนินการจำแนกลักษณะฝูงวาฬบรูด้าในอ่าวเป่ยปู้และอ่าวไทยว่าไม่ใช่วาฬกลุ่มเดียวกัน
พัชราภรณ์ เยาวสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยประมงประจำกรมฯ กล่าวว่า การสร้างความร่วมมือระหว่างจีนและไทยเป็นสิ่งสำคัญมาก การแลกเปลี่ยนระหว่างสองฝ่ายจะช่วยให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ศึกษาวิจัยได้อย่างคุ้มค่า เช่น วิธีสร้างพื้นที่คุ้มครองหรือแนวทางการอนุรักษ์ที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
“ทีมผู้เชี่ยวชาญของจีนแบ่งปันความรู้และข้อมูลผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง ช่วยให้กระบวนการสังเกตการณ์สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น วิธีการและแนวทางจากทีมวิจัยของจีนนั้นควรค่าแก่การศึกษาเรียนรู้ รวมถึงนำมาประยุกต์ใช้ในไทยอย่างมาก” พัชราภรณ์กล่าว
ทั้งนี้ วาฬบรูด้าจัดเป็นสัตว์คุ้มครองระดับสูงสุดของจีน ส่วนที่ไทยห้ามค้าวาฬบรูด้าทุกรูปแบบ การอนุรักษ์วาฬชนิดนี้กลายเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือสำคัญระหว่างนักวิจัยของจีนและไทย โดยเฉินกล่าวว่า วาฬเป็นสัตว์ทะเลที่อพยพย้ายถิ่นตามแหล่งอาหาร การปกป้องแหล่งอาหารของพวกมันจึงเป็นกุญแจสำคัญต่อความอยู่รอด
นอกจากนี้ เมืองเป่ยไห่ของกว่างซียังออก “ข้อบังคับการปกป้องสิ่งแวดล้อมเกาะเหวยโจวของเมืองเป่ยไห่” เมื่อเดือน ก.ค.2018 เพื่อส่งเสริมการปกป้องเกาะเหวยโจวและน่านน้ำโดยรอบ โดยข้อบังคับข้างต้นห้ามใช้กล่องโฟมแบบใช้แล้วทิ้ง และถุงพลาสติกที่ย่อยสลายไม่ได้ รวมถึงห้ามทำการประมงในน่านน้ำรัศมี 6 กิโลเมตร จากชายฝั่งเกาะเหวยโจวและเกาะเสียหยาง
ด้านทีมนักวิจัยของไทยเดินหน้าวิจัยสิ่งมีชีวิตหายากในทะเลและยกระดับการวิจัยการกำจัดขยะในทะเล เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางทะเลของอ่าวไทยให้ดียิ่งขึ้น โดยพัชราภรณ์ ชี้ว่า การคุ้มครองวาฬบรูด้ายังครอบคลุมการปกป้องทรัพยากรทางทะเลอื่นๆ ด้วย
แม้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จะส่งผลให้การสำรวจและสังเกตการณ์ภาคสนามของทีมนักวิจัยจีน-ไทยต้องหยุดชะงักชั่วคราว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงเดินหน้าติดต่อสื่อสารผ่านทางออนไลน์ โดยมีการแลกเปลี่ยนเอกสารและข้อมูลรูปแบบต่างๆ เช่น วิธีช่วยชีวิตวาฬเกยตื้น หรือวิธีรักษาบาดแผลบนตัววาฬ เป็นต้น
“วาฬบรูด้าถือเป็นสิ่งมีชีวิตล้ำค่าของโลก มิใช่เฉพาะไทย จีน หรือประเทศใดประเทศหนึ่ง” พัชราภรณ์กล่าว พร้อมทิ้งท้ายว่าการคุ้มครองวาฬบรูด้าต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สวยงามและยั่งยืนยิ่งขึ้น
ข่าว/ภาพ/คลิป โดยสำนักข่าวซินหัว, 8 มิ.ย.2022