งานนี้ทำเอาบรรดาผู้ปกครองแตกตื่นมึนตึ้บกันทั่วโซเชียล! นับจากเดือน ก.ย.ปีนี้เป็นต้นไป เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นในจีน จะต้องหุงข้าวทำกับข้าวกับปลากินเองเป็น หัดทำสารพัดเมนูทั้งผัด เคี่ยว นึ่ง ตุ้ม ตุ๋น ทำงานบ้านเองได้ ทั้งยังต้องเรียนปลูกผัก เลี้ยงสัตว์
สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการจีนประกาศหลักสูตรใหม่สำหรับการเรียนการสอนระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น โดยเพิ่ม “วิชาแรงงาน” เพื่อพัฒนาทักษะชีวิตเด็กๆ โดยจัดให้มีการสอนทำอาหาร โภชนาการ ทำความสะอาดบ้าน ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และซ่อมแซมเครื่องใช้ไม้สอยอุปกรณ์ไฟฟ้า ตลอดจนฝึกความรับผิดชอบและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
ด้วยสภาพสังคมที่มีการแข่งขันสูง บรรดาผู้ปกครองจึงสนับสนุนให้ลูกๆ สนใจเรื่องเรียนวิชาการเพียงอย่างเดียว ห้ามสนใจเรื่องอื่น เรียกว่า งานบ้านก็ไม่ได้จับ งานใช้แรงงานอื่นๆ ก็ไม่ต้องแตะ ขอแค่ลูกตั้งใจเรียนและสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ให้ได้ก็พอ ซึ่งการตีกรอบชีวิตการเรียนแบบนี้ ทำให้เด็กๆ ไม่เป็นอิสระต้องคอยพึ่งพิงคนอื่น ไม่มีทักษะในการดำรงชีวิตและอาจกลายเป็นปัญหาในอนาคต
“เป็นเรื่องปกติที่ผู้ปกครองชาวจีนจะให้ความสำคัญกับการศึกษาที่เน้นความรู้วิชาการหรือภาคทฤษฎีมากกว่าทักษะขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต” สงปิ่งฉี (熊丙奇) ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการศึกษาแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Education Research Institute) กล่าว พร้อมเสริมว่า การทำอาหาร เป็นทักษะพื้นฐานที่เด็กๆ ควรได้มีโอกาสเรียนรู้ ซึ่งการเรียนทำอาหารในวิชาแรงงานจะช่วยเสริมทักษะการใช้ชีวิตให้เด็กๆ ที่ถูกผู้ปกครองเลี้ยงดูแบบประคบประหงมไม่ให้แตะงานบ้านเพื่อใช้ทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการท่องอ่านตำราเรียนอย่างเดียว
หลักสูตรใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่เดือน ก.ย.เป็นต้นไป นักเรียนในระดับชั้นประถมและมัธยมศึกษาตอนต้น จะต้องเข้าเรียนวิชาแรงงานอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ โดยรายละเอียดของ การเรียนทำอาหาร มีดังนี้
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2 ต้องเรียนรู้การเลือกผัก การล้างผักและการปอกผลไม้
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3-4 ต้องเรียนรู้การหั่น การปรุงรส การต้ม การนึ่งและการทำออเดิร์ฟเย็น
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 ต้องเรียนรู้การทอด การผัด การเคี่ยว การตุ๋น และทำอาหารเมนูทั่วๆ ไป 2-3 เมนูได้ เช่น ซุป มะเขือเทศผัดไข่ ไข่ดาว ซึ่งจะต้องจัดเตรียมวัตถุดิบและดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมดด้วยตนเอง
นักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ต้องเรียนรู้การออกแบบมื้ออาหารทั้ง 3 มื้อ สำหรับครอบครัวของตนเอง โดยคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมกับสมาชิกในครอบครัว และต้องทำอาหารได้ 3-4 เมนู
ด้านการสอนปลูกผัก จะเป็นการปลูกผักสวนครัว ทั้งการปลูกแบบลงดิน และแบบไฮโดรโปนิกส์ (ในน้ำ)
ส่วนการเลี้ยงสัตว์ จะเป็นการเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็ก เช่น ปลา หนอนไหม เป็ด ไก่ และกระต่าย เป็นต้น
ทั้งนี้ จีนมีการเรียนการสอนเนื้อหาที่เกี่ยวกับวิชาแรงงานกันอยู่ก่อนแล้ว แต่หลักสูตรใหม่นี้กำหนดให้มีการจัดตั้งวิชาแรงงานแยกออกจากวิชากิจกรรมโดยเฉพาะ เนื่องจากชั้นเรียนวิชาดังกล่าวมักถูกแทนที่ด้วยวิชาอื่นๆ นอกจากนี้ เนื้อหาของหลักสูตรใหม่ยังมีความเข้มข้นยิ่งขึ้นอีกด้วย
หลังข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป กลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว จนติดฮอตเสิร์ชอันดับ 1 บนเวยปั๋ว จากข้อมูลนับถึงช่วงสุดสัปดาห์มีผู้อ่าน 780 ล้านครั้ง โดยผู้ปกครองที่เห็นด้วยกับหลักสูตรใหม่นี้ต่างสนับสนุนและตั้งตารอที่จะได้ชิมอาหารที่ลูกๆ ทำ พร้อมคอมเมนต์ เช่น “ในอนาคตพ่อแม่คงไม่ต้องกลัวว่า ลูกจะอดอยากอีกแล้ว แถมยังประหยัดเงินซื้ออาหารนอกบ้านได้อีก” “ช่วงแรกของชีวิตมีแม่ทำกับข้าวให้ บั้นปลายชีวิตมีลูกทำกับข้าวให้ ไม่คิดเลยว่า คนเกิดหลังปี 80 อย่างเราจะได้รับ ‘สวัสดิการ’ ที่ดีแบบนี้! มีความสุขสุดๆ ไปเลย” “การเรียนทำอาหารไม่เพียงส่งเสริมพัฒนาการ แต่เด็กๆ ยังจะได้เรียนรู้ทักษะชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ…สนับสนุนสุดขีด!”
ส่วนผู้ปกครองที่ไม่เห็นด้วย ต่างมองว่าวิชานี้จะเพิ่มภาระให้พวกเขาเสียมากกว่า รวมทั้งการที่เด็กตัวเล็กๆ ต้องมาเรียนทำอาหารก็ดูจะเสี่ยงอันตรายเกินไป พร้อมคอมเมนต์ เช่น “จะขอบคุณมาก ถ้าวิชานี้เรียนแล้วจบในห้องเรียน อย่าให้ผู้ปกครองต้องมาถ่ายรูปภาคปฏิบัติที่บ้านแล้วส่งให้ครูเลยนะ” “พูดได้เลยว่า ความทุกข์ของพ่อแม่ในแต่ละวันได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างแล้ว ดูแลตัวเองกันด้วยนะ”
ที่มา : China’s students to learn how to cook, clean and raise small animals to combat helpless maths nerd stereotype (scmp)
下午察:中国中小学劳动课让家长瑟瑟发抖? (zaobao)