ในโอกาสวันเยาวชนแห่งชาติจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 4 พ.ค.ของทุกปี “ไชน่าเดลี” หนังสือพิมพ์ของทางการจีน ได้เล่าย้อนเรื่องราวเกี่ยวกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ตั้งแต่เมื่อสมัยที่เขายังเป็นแค่เจ้าหน้าที่รัฐระดับรากหญ้า กระทั่งก้าวขึ้นเป็นผู้นำสูงสุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นตัวตนของผู้นำแดนมังกรคนปัจจุบันว่า เขามีความศรัทธาในเยาวชน และอุทิศทุ่มเทให้คนรุ่นหนุ่มสาวมากเพียงใด
ครั้งหนึ่งนายสี เคยกล่าวว่า “คนหนุ่มสาวคืออนาคตประเทศชาติของเราและของโลก” และสิ่งที่เขาเพียรปฏิบัติมา ก็สมกับวาจาที่ได้พูดไว้
จูงใจผู้มีพรสวรรค์ให้นึกถึงบ้านเกิด
วันหนึ่งเมี่อใกล้สิ้นปี พ.ศ.2526 นายเฉา ปิงไห่ กับเพื่อนๆ ซึ่งศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เหอเป่ยด้วยกัน ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากบ้านเกิดของพวกเขา
“ท้องถิ่นชนบทมีความต้องการนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แห่งนี้อย่างเร่งด่วนยิ่ง…พ่อแม่พี่น้องและญาติมิตรกว่า 4 แสนคนที่บ้านเกิดตั้งตารอคอยวันที่พวกคุณสำเร็จการศึกษา และร่วมแรงร่วมสติปัญญากันสร้างชาติ” ข้อความในจดหมายระบุ
จดหมายฉบับนี้เป็นของนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขาเมืองเจิ้งติ้ง ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ย
“เมื่อผมเห็นลายเซ็นคำว่า 'สหายของคุณ' หัวใจก็พลันรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น จดหมายฉบับนี้ทำให้เราสัมผัสถึงความอบอุ่นของบ้านเกิด” นายเฉา บอก
หลังจากเขียนจดหมายฉบับนี้แล้ว นายสี ยังจัดการศึกษาภาคสนาม ในช่วงปิดภาคการศึกษาฤดูร้อน เพื่อให้นักศึกษาได้ไปเห็นชีวิตจริงของผู้คนในชนบทด้วยตาตนเอง และต่อมานักศึกษาจากเมืองเจิ้งติ้ง ซึ่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เหอเป่ย กว่าครึ่งหนึ่งก็ได้กลับมาพัฒนาบ้านเกิด
จงเป็นคนติดดิน
สำหรับเยาวชนมากมายแล้ว นายสี เปรียบเสมือนเพื่อนผู้หนึ่ง ซึ่งมีคำพูดและประสบการณ์ที่ทำให้พวกเขาค้นพบแรงบันดาลใจ
ครั้งหนึ่งนายสี มีโอกาสพูดคุยกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยจี๋หลิน เมื่อ พ.ศ.2554 เขาชี้แนะว่า การทำตัวเป็นคนติดดินนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ
“ภาษิตจีนโบราณกล่าวไว้ว่า ‘บัณฑิตคือผู้ที่เหนือกว่าคนอื่น’ และ ‘ผู้เรียนหนังสือเก่งย่อมได้เป็นขุนนาง’ แต่โลกยุคปัจจุบัน บัณฑิตมหาวิทยาลัยควรเป็นผู้นอบน้อมถ่อมตน และไปทำงานยังท้องถิ่นระดับรากหญ้า ซึ่งต้องการสติปัญญาความสามารถของพวกเขาอย่างที่สุด” นายสี กล่าว
“นายสี บอกพวกเราว่า จงตั้งเป้าหมายให้สูง แต่ให้เท้าของเราสัมผัสกับพื้นดินไว้เสมอ และนี่กลายเป็นคติพจน์ประจำใจของผมครับ” นายต่ง เทียน นักศึกษาคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเล่า
ภายหลังสำเร็จการศึกษา นายต่ง จึงเลือกกลับมาทำงานก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้าในมณฑลจี๋หลินบ้านเกิด แทนการไปทำงานในเมืองใหญ่อย่างกรุงปักกิ่ง หรือนครเซี่ยงไฮ้
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องศรัทธาความเชื่อกับเยาวชน
เมื่อคราวไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยปักกิ่งเมื่อเดือน พ.ค.2561 นายสี ถามพวกนักศึกษาที่เรียนในสำนักลัทธิมาร์กซ์ว่า
“พวกคุณศึกษาลัทธิมาร์กซ์กันทำไม”
ฟ่าน จิ้งหรง นักศึกษาซึ่งอยู่ในหตุการณ์ตอนนั้นเล่าว่า เป็นคำถามที่ทำเอานักศึกษาพากันครุ่นคิด และเข้าใจว่าท่านเลขาธิการสี คงต้องการเตือนให้นักศึกษาไม่ลืมความสำคัญของแนวปรัชญาทางการเมืองนี้
เมื่อไม่รู้จะตอบยังไง พวกนักศึกษาจึงย้อนถามว่า นายสี เป็นผู้นิยมลัทธิมาร์กซ์ที่แน่วแน่มั่นคงได้อย่างไรกันเล่า
คำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือ นายสี บอกว่า นอกจากการท่องอ่านตามตำราเพื่อศึกษาลัทธิมาร์กซ์แล้ว การนำความรู้จากหนังสือมาประยุกต์ใช้คือวิธีที่ดีที่สุดในการขจัดความลังเลสงสัย และยังสร้างอุดมคติความเชื่อมั่นที่หนักแน่นมั่นคงให้แก่เราอีกด้วย
เป็นคำตอบที่นักศึกษายังจดจำกันจนถึงทุกวันนี้
ข้อมูลจาก "Xi: A friend of the youth" ในไชน่าเดลี