หนุ่มไทยพลิกชะตาชีวิตด้วย ‘หมัดคู่’ ในนครเฉิงตู

เมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มคนในเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวน อาบังก็ดูเหมือนสามัญชนคนธรรมดา แต่เมื่อเขาสวมกางเกงขาสั้น สวมเสื้อกั๊ก และสวมถุงมือ ใช้มือ เข่า และขากระแทกกระสอบทรายที่หนักอึ้งเหมือนประทัดที่ระเบิดขึ้น เราจะรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้กล้าหาญและทรงพลังมาก

อาบัง หนุ่มไทยวัย 28 ปี สอนมวยไทยในนครเฉิงตูมาเป็นเวลา 5 ปี เขาเติบโตในชนบทไทย ฝึกฝนมวยไทยมาตั้งแต่เด็กจนเป็นนักมวยอาชีพ เพราะเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เขาจึงหวังใช้หมัดคู่เก่งเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต แต่ในประเทศไทยมีการแข่งขันสูงและเขาก็โชคไม่ดีนักด้วย ในปี 2561 เขาได้เข้าร่วมการแข่งขันที่เฉิงตูอย่างไม่คาดคิด และ "เวทีประลอง" นี้เอง ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาตั้งแต่นั้นมา


อาบังเห็นว่าเมืองใหญ่ในจีนเจริญมาก สามารถหารายได้ได้มากกว่าประเทศไทยแน่นอน จึงหาหนทางมาทำงานในจีน เขาพูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่าต้องการหารายได้มาเลี้ยงลูก อาจารย์สอนมวยจึงช่วยเหลือให้เขาได้มาที่เฉิงตูเพื่อมาสอนมวยไทย

อาบัง เล่าให้ผู้สื่อข่าวจีนที่มาสัมภาษณ์เขาเมื่อไม่นานมานี้ ว่า ตอนมาอยู่เฉิงตูแรกๆ อาบังพูดภาษาจีนไม่ได้ พอ 5 ปีต่อมา เขาก็พูดภาษาจีนได้บ้างแล้ว แต่ยังออกเสียงไม่ชัด และต้องฟังแยกทีละคำจึงจะเข้าใจ ต่อมาเจ้าของยิมสอนมวยและเพื่อนบ้านชาวไทยก็มาสอนเขา อาบังจึงค่อยๆ เรียนรู้ภาษาจีน และปรับตัวได้ ปกติแล้ววันๆ เขาไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เมื่อพูดถึงอาหารเฉิงตูแล้วเขาจะพูดไม่หยุดเลย เขาชอบเมนูหม้อไฟเสฉวนมาก เพราะรสเผ็ดแซ่บเหมือนอาหารไทย อีกทั้งยังชอบก๋วยเตี๋ยวท้องถิ่นชนิดต่างๆ และเมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวในมณฑลเสฉวน เขาชอบไปเยี่ยมชมพระพุทธรูปเล่อซาน เพราะเขาเป็นคนไทยที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา


อาบังกล่าวว่า ทักษะการต่อสู้แบบดั้งเดิมของไทย มวยไทยใช้หมัดคู่ ขาคู่ ศอกคู่ และเข่าคู่เป็นอาวุธแปดอย่างในการโจมตี พลังโจมตีนั้นเฉียบคมและแข็งแกร่งมาก ซึ่งแตกต่างจากศิลปะการต่อสู้ ‘กังฟู’ ของจีน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่อาบังสอนมวยไทยในเฉิงตู เขาได้รู้จักประเทศจีนและเข้าใจภาษาจีนมากขึ้น เขาบอกว่าคนจีนเป็นมิตรและอบอุ่นมาก มีคนจากสถาบันการศึกษาที่มีสถานะทางสังคมสูงและร่ำรวยมากแต่พวกเขาเคารพเขาและสุภาพมากเมื่อมาเรียนมวยไทย จำนวนคนมาเรียนมวยไทยในเฉิงตูเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมวยไทยทำให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยฝึกความกล้าหาญ และป้องกันตัวเองได้ อาบังมีความสุขมากที่ได้เห็นพัฒนาการของนักเรียนและรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้นำวัฒนธรรมมวยไทยไปเผยแพร่ที่ประเทศจีน


ตอนแรกอาบังกล่าวว่า เขามาที่จีนเพื่อหารายได้ ในปัจจุบันรายได้ของเขาสูงกว่าเพื่อนในประเทศไทยประมาณ 3 เท่า และเขาก็หลงรักประเทศจีนเข้าแล้ว เขาบอกว่า “ตอนนี้ ถ้าให้เลือกทำงานที่ไทยโดยมีรายได้เท่ากับรายได้ในจีน ผมเลือกอยู่จีนแน่นอน!” ในอนาคต ความฝันสูงสุดของอาบังคือขอให้ลูกชายของเขาตั้งใจเรียนหนังสือให้เก่งและได้เรียนโรงเรียนดีๆ เมื่อลูกชายเรียนจบมหาวิทยาลัยเขาก็จะเป็นอิสระไม่ต้องทำงาน และจะกลับไปยังเมืองไทยซื้อที่ดินทำการเกษตร

นั่นหมายความว่าอาบังจะต้องทำงานที่ประเทศจีนอีกหลายปี เพราะตอนนี้ลูกชายของเขาเพิ่งมีอายุแค่ 4 ขวบ “ผมชอบใช้ชีวิตอยู่ที่จีน ที่นี่เหมือนเป็นบ้านหลังที่สองของผม” อาบังพูดและยิ้มอย่างมีความสุข

ที่มา 泰籍“蓉漂”阿邦：在成都教泰拳，转变人生“擂台”