นักวิเคราะห์จีนหวั่นโครงการวิจัยค้นคว้าในอวกาศของมนุษยชาติกำลังตกอยู่ในอันตราย จากพิษสงสงครามข้อมูลข่าวสารชาติตะวันตก
แม้คนระดับนายโจเอล มอนทัลบาโน ผู้จัดการโครงการสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ของนาซ่า ออกมายืนยันว่า วิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครน ไม่ส่งผลกระทบต่อ ISS ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย และอีกหลายชาติ เพราะห้วงอวกาศไม่มีเส้นแบ่งพรมแดนชาติใดๆ อีกทั้งทีมนักบินอวกาศทุกคนล้วนเป็นมืออาชีพ
ทว่าเมื่อนักบินอวกาศขององค์การอวกาศรัสเซีย หรือรอสคอสมอส 3 คน เดินทางถึง ISS ในวงโคจรโลกเมื่อวันศุกร์ที่ 18 มี.ค.2565 โดยนำยานโซยุซเข้าเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศ แล้วลอยตัวเข้ามาภายในสถานีและทักทายกับนักบินอวกาศของนาซ่าอย่างยินดี ก็กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที เพราะนักบินรัสเซียไม่ได้ใส่เครื่องแบบสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นชุดมาตรฐาน แต่ใส่ชุดสีเดียวกับธงชาติยูเครน
บรรดาสื่อตะวันตก รวมทั้งวิทยุสาธารณะแห่งชาติของสหรัฐฯ (US National Public Radio) หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ และสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ตีความหมายสีเหลืองขลิบน้ำเงินของชุดนั้นว่า นักบินอวกาศหมีขาวกำลังประกาศแถลงการณ์ทางการเมืองว่า พวกตนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับยูเครน และต่อต้านปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ซึ่งยากที่จะเชื่อว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ
นายดมิทรี โรโกซิน ผู้อำนวยการของรอสคอสมอส ชี้แจงในเวลาต่อมาว่า นั่นคือสีสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งรัฐบาวมอสโก (Bauman Moscow State Technical University) สถาบันศึกษาของนักบินอวกาศทั้งสามต่างหาก
“นี่แหละพวกโจรขี้ขลาดบางคน และสปอนเซอร์ชาวแองโกล-แซกซอนของโจรเหล่านั้น ไม่รู้ว่าจะคิดหาอะไรมาทำสงครามข้อมูลกับรัสเซียได้อีกแล้ว” นายโรโกซิน ระบุในบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของเขา
เจ้าหน้าที่ของรอสคอสมอสอีกคนระบุในเทเลแกรมว่า ยูนิฟอร์มสีดังกล่าวออกแบบใช้กันมานาน ก่อนเกิดวิกฤตการณ์เสียอีก การมองเห็นอะไรเป็นสีธงชาติยูเครนไปหมดเป็นแค่การโฆษณาชวนเชื่อแบบสุดลิ่มทิ่มประตู
รอสคอสมอสยังเผยแพร่การไลฟ์สดของนายโอเลก อาร์เตมเยฟ ผู้บังคับการยานโซยุซ ซึ่งพูดถึงเหตุผลที่เลือกใส่ชุดสีเหลืองว่า เพราะมีชุดสีเหลืองอยู่หลายตัว ก็ต้องใส่เท่านั้นเอง
นักวิเคราะห์ด้านอวกาศของจีนบางคนให้สัมภาษณ์ “โกลบอลไทมส์” ว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นความขัดแย้งบนโลกถูกนำไปยังอวกาศ ซึ่งเป็นการคุกคามไม่เฉพาะแค่ความปลอดภัยของ ISS แต่ยังคุกคามต่อการศึกษาเกี่ยวกับจักรวาลที่มนุษยชาติร่วมกันค้นคว้าอีกด้วย
“สื่อตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ บิดเบือนความจริงมาทำให้กิจกรรมและความร่วมมือด้านอวกาศกลายเป็นเรื่องการเมือง” นายเว่ย ตงซู่ นักวิเคราะห์เรื่องเกี่ยวกับอวกาศ ซึ่งอยู่ในกรุงปักกิ่ง ให้ความเห็น
ทั้งนี้ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งรวมทั้งการลดระดับความร่วมมือด้านโครงการอวกาศ เพื่อลงโทษปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียต่อยูเครน องค์การอวกาศของยุโรป หรือ ESA ก็ประกาศระงับโครงการภารกิจยานสำรวจเอ็กโซมาร์ส (ExoMars) ซึ่งเป็นโครงการสำรวจดาวอังคาร ร่วมกับรัสเซียอย่างไม่มีกำหนด
มอสโกตอบโต้การตัดสินใจของ ESA ว่า รัสเซียจะไปดาวอังคารด้วยตัวเอง แม้ว่าจะต้องใช้เวลาหลายปีสำหรับการเตรียมการก็ตาม โดยรัสเซียจะสร้างยานลงจอด และจะใช้จรวดตระกูล “อังการา” ยิงขึ้นจากศูนย์ปล่อยยานอวกาศวอสตอชนี (Vostochny Cosmodrome) ซึ่งเป็นของรัสเซียด้วยเช่นกัน
นายซ่ง จงผิง นักสังเกตการณ์กิจการอวกาศและนักวิจารณ์ทางทีวี ให้ความเห็นว่า จีนมีความสามารถในการสร้างนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร สิ่งนี้สามารถเติมเต็มส่วนที่อุตสาหกรรมอวกาศของรัสเซียขาดหายไป อันเป็นผลจากการคว่ำบาตรของตะวันตก ดังนั้น ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ จึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ปักกิ่งและมอสโกจะกระชับความร่วมมือกันด้านอวกาศอย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไป
ข้อมูลจาก “West brings info war against Russia into space by 'distorting' cosmonauts' clothing choice” ในโกลบอลไทมส์
“NASA : No change in work with Russian space crew” ในรอยเตอร์