ผลสำรวจล่าสุดพบว่า จีนกำลังผลิตมหาเศรษฐีพันล้านหน้าใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าชาติใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐีนีพันล้าน ทิ้งห่างสหรัฐฯ ซึ่งติดอันดับ 2 แต่ถึงกระนั้น สหรัฐฯ ก็สร้างมหาเศรษฐีพันล้านและบริษัท ซึ่งมีอิทธิพลในโลกเหนือกว่าจีนมากนัก
จากรายงานการจัดอันดับความมั่งคั่งทั่วโลกของหูรุ่นประจำปี 2565 (Hurun’s 2022 Global Rich List) จีนและสหรัฐฯ มีมหาเศรษฐีรวมกันมากถึงร้อยละ 55 ของมหาเศรษฐีพันล้าน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก โดยจีนมีมหาเศรษฐีเกิดใหม่เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 1,133 คน ส่วนสหรัฐฯ มี 716 คน นอกจากนั้น จำนวนมหาเศรษฐีเกิดใหม่ของจีนยังเพิ่มเร็วกว่าสหรัฐฯ ราว 3 เท่า
เมื่อพิจารณาจากอันดับเมือง ที่มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่มากที่สุด ปรากฏว่า เมือง ที่มีประชากรเศรษฐีอาศัยอยู่มากที่สุด 3 อันดับแรก ล้วนแล้วอยู่บนแดนมังกร โดยนครเซินเจิ้นเพิ่งแซงหน้านครนิวยอร์กขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ไปหมาด ๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากฐานะความมั่งคั่งร่ำรวยแล้ว มหาเศรษฐีมะกันยังคงความร่ำรวยกว่าไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเมื่อนำความมั่งคั่งมารวมกัน มีสัดส่วนราวร้อยละ 32 ของมหาเศรษฐีพันล้าน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในโลกทั้งหมด ขณะที่จีนมีสัดส่วนราวร้อยละ 27
นาย รูเพิร์ต ฮูจเวิร์ฟ ประธานและหัวหน้านักวิจัยของบริษัทหูรุ่นรีพอร์ตระบุว่า มูลค่าของบริษัท เป็นตัววัด “แรงยิงทางเศรษฐกิจที่แท้จริง” ได้ดีกว่าการวัดด้วยความมั่งคั่งของบุคคล ซึ่งก็พบว่า สหรัฐฯ เหนือกว่าจีน โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap ) ของบริษัทระดับบิ๊กสุดของมะกัน 4 ราย คือแอปเปิล , ไมโครซอฟต์ , แอมะซอน และอัลฟาเบต (บริษัทแม่ของกูเกิล) เมื่อรวมกันแล้ว มากพอๆ กับบริษัทเอกชนของจีน ที่มี Market Cap มากที่สุดรวมกัน 500 ราย
นาย ฮูจเวิร์ฟมองว่า พลังทางเศรษฐกิจของบิ๊กบริษัทมะกัน ที่เหนือกว่าจีนนี้ ยังเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีจีนเกิดจากผู้บริโภคบนแดนมังกร ไม่ว่าจะเป็นด้านอสังหาริมทรัพย์, การผลิตอุตสาหกรรม และการดูแลสุขภาพ ธุรกิจเหล่านี้ล้วนสร้างเงินมหาศาลในจีน
ขณะที่ความร่ำรวยของมหาเศรษฐีในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มาจากการเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีทั่วโลก , บริการทางการเงิน และธุรกิจบันเทิง
สำหรับมหาเศรษฐีหญิง ซึ่งสร้างฐานะมาด้วยลำแข้งของตนเองนั้น ร้อยละ 60-70 เป็นหญิงชาวจีน โดยเศรษฐีนีจีนครองสัดส่วนมากที่สุดต่อเนื่องตลอด 16 ปีที่ผ่านมา
สาเหตุส่วนหนึ่ง ที่ทำให้จีนมีเศรษฐีนีใหม่เพิ่มขึ้น อาจเนื่องมาจากนโยบายลูกคนเดียวของจีน ซึ่งทำให้ผู้หญิงมีเวลาในการประกอบอาชีพมากขึ้น อีกครั้งโครงสร้างทางสังคม ที่ชาวจีนอาศัยรวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ จึงมีผู้คอยช่วยเหลือเลี้ยงดูลูกให้เลือกได้หลายทาง
จาก “China is making new billionaires much faster than the U.S.” ใน https://www.axios.com