นักวิชาการจากเคนยาชี้ว่า วิธีการคบหาสมาคมของจีนแบบมองอีกฝ่ายเป็นหุ้นส่วน ที่เท่าเทียมกัน เป็นสิ่งผูกใจหลายชาติในทวีปแอฟริกา ส่งผลให้มิตรภาพและความสัมพัน์ระหว่าง 2 ฝ่ายก้าวหน้า
นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ของจีน แถลงผลงานของรัฐบาล ในพิธีเปิดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติเมื่อวันที่ 5 มี.ค.2565 ว่า จีนจะยังคงยึดมั่นต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระและสันติ ตลอดจนยึดมั่นแนวทางการพัฒนาที่สร้างความสงบสุข รวมถึงส่งเสริมการสร้างประชาคมมนุษยชาติ ที่มีอนาคตร่วมกัน
นายเลมมี ไนยองกีซา (Lemmy Nyongesa) สมาชิกอาวุโสประจำสถาบันนโยบายแอฟริกา (the Africa Policy Institute) ในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา แสดงความเห็นต่อสิ่งที่นายกรัฐมนตรีจีนแถลงว่า ที่ผ่านมา วิธีการดำเนินนโยบายต่างประเทศของจีนในทวีปแอฟริกา อยู่บนหลักการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ การเคารพระบบการเมืองของอีกฝ่าย และการเคารพสิทธิของชาติอื่นๆ ซึ่งมีแนวทางการพัฒนาประเทศอย่างสอดคล้องกับสภาวการณ์และเงื่อนไขของตนเอง
ด้วยเหตุผลนี้เองชาวแอฟริกันจำนวนมากมายจึงรู้สึกว่า พวกเขาได้รับการปฏิบัติจากชาวจีนอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากวิธีการของชาติตะวันตกในประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมา ซึ่งเข้ามาพร้อมกับการค้าทาส ลัทธิจักรวรรดินิยม ลัทธิจักรวรรดินิยมแบบใหม่ (neocolonialism) และการแทรกแซงศาสนาและวัฒนธรรมในแอฟริกาอย่างสุดลิ่ม
นักวิชาการผู้นี้ระบุว่า การแบ่งปันความคิดเห็นและทรัพยากรร่วมกันระหว่างจีนกับแอฟริกา ได้ส่งเสริมมิตรภาพระหว่างประชาชน 2 ฝ่าย นอกจากนั้น สินค้าประเภททุนและเทคโนโลยีที่เข้ามาพร้อมกับโครงการต่างๆ เช่น โครงการริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (the Belt and Road Initiative) ทำให้ภาพลักษณ์ของจีนในแอฟริกาสดใสมีชีวิตชีวา โดยชาวแอฟริกันเกิดความเชื่อถือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในฐานะการเป็นหุ้นส่วนกับจีนจะทำให้ผลประโยชน์ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจาก “ความสัมพันธ์เพียงข้างเดียว” อย่างที่หลายประเทศในทวีแอฟริการู้สึกกับชาติตะวันตก
นอกจากนั้น นายไนยองกีซา ยังกล่าวยกย่องบทบาทของสภาความร่วมมือระหว่างจีนกับแอฟริกา ( the Forum on China-Africa Cooperation) ซึ่งเป็นกรอบการทำงานพหุภาคี สำหรับการพูดคุยเกี่ยวกับผลประโยชน์ระหว่างกันอีกด้วย
ทั้งนี้ จีนให้การสนับสนุนการพัฒนาทวีปแอฟริกาในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งบังเกิดผลดีมากมายตามมา โดยในด้านโครงสร้างพื้นฐานนั้น จีนได้ก่อสร้างทางรถไฟกว่า 1 หมื่นกิโลเมตรในทวีปแอฟริกา ถนนความยาวเกือบ 1 แสนกิโลเมตร และก่อสร้างท่าเรือเกือบ 100 แห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลและโรงเรียนอีกมากมาย จากการแถลงของนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ซึ่งเข้าร่วมการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติครั้งนี้ด้วย
จาก "Africans
eye more gains with China" - ไชน่าเดลี