กลุ่มสื่อจีนรายงาน (15 มี.ค.) จีนกำลังต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปี โดยตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 65 มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 ราย ใน 27 เมือง รวมทั้งเมืองเซินเจิ้นและนครเซี่ยงไฮ้ ทำให้ทางการจีนบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดที่สุดเพื่อลดการติดต่อทางสังคม
ศาสตราจารย์หวง เจี้ยนผิง จากมหาวิทยาลัยหลานโจวจัดทำแบบจำลองการแพร่ระบาดของโควิด-19 และพบว่าการระบาดในจีนระลอกนี้จะถูกควบคุมในขั้นต้นได้ภายในต้นเดือน เม.ย. 65 โดยมีผู้ติดเชื้อ 35,000 ราย
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) ตั้งข้อสังเกตว่านโยบายปลอดโควิด-19 โดยรวมของจีนยังคงมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับสายพันธุ์โอมิครอน แต่จำเป็นต้องมีมาตรการที่เร็วและเข้มงวดมากขึ้น
วันจันทร์ (14 มี.ค.) มณฑลจี๋หลินรายงานจำนวนผู้ป่วย 895 ราย นครฉางชุนซึ่งได้รับผลกระทบจากไวรัสมากที่สุดสั่งห้ามประชาชนเดินทางออกจากเมือง
ขณะที่เมืองเซินเจิ้น ซึ่งเป็นมหานครที่มีประชากรประมาณ 13 ล้านคน ได้ตรวจโควิดยกเมืองสามรอบในสัปดาห์นี้ และงดบริการรถไฟใต้ดินและรถบัสตั้งแต่วันจันทร์ (14 มี.ค.) และให้ผู้อาศัยในเมืองทำงานจากบ้าน ออกจากบ้านเฉพาะธุระจำเป็นเท่านั้น ผู้เดินทางออกจากเมืองต้องยื่นผลตรวจเป็นลบจากการตรวจใน 24 ชั่วโมง
วันจันทร์ (14 มี.ค.) นครเซี่ยงไฮ้ รายงานผู้ป่วยโควิดที่แสดงอาการ 41 รายและไม่แสดงอาการ 128 ราย โดยสั่งห้ามประชาชนเดินทางออกจากเมือง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นและต้องมีผลการทดสอบนิวเคลียสเป็นลบ สั่งปิดสวนสาธารณะกว่า 157 แห่ง หยุดบริการรถบัสภายในเมือง จำกัดกิจกรรมตามมหาวิทยาลัย
โรงเรียนหลายแห่งในกรุงปักกิ่งสั่งให้นักเรียนที่มีความเสี่ยงสูงให้อยู่บ้าน
นักระบาดวิทยาเชื่อว่า ความหย่อนยานของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการควบคุมโควิด-19 ทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างฉับพลันในจีน อย่างไรก็ดี เขาสังเกตว่านโยบายปลอดโควิด-19 ของจีนกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป โดยเริ่มจากการที่จีนเริ่มอนุญาตให้ใช้ชุดทดสอบแอนติเจนด้วยตนเอง และจะผ่อนคลายนโยบายปัจจุบันก็ต่อเมื่อประชาชนมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง มียาที่มีประสิทธิภาพ โรงพยาบาลมีความพร้อมในการรับมือผู้ป่วยจำนวนมาก
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันส่วนหนึ่งเป็นเพราะเชื้อโอมิครอนสามารถแพร่เชื้อได้ไว โดยมีระยะฟักตัวสั้นกว่าสายพันธุ์อื่น และสามารถตรวจพบได้ยาก
นายจาง เหวินหง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในเซี่ยงไฮ้ระบุว่า ปัจจุบันเป็นช่วงที่ยากที่สุดในการต่อสู้กับโควิด-19 ในรอบ 2 ปีซึ่งแม้ว่าไวรัสจะไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลานานแล้ว แต่จีนจำเป็นต้องมีแผนการรับมือที่ชัดเจน มากกว่าจะโต้เถียงกันเกี่ยวกับนโยบายปลอดโควิด