xs
xsm
sm
md
lg

“เฟกนิวส์” โหมเชื้อไฟความเกลียดชังจีน-สหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ที่ปรึกษาระดับสูงฝ่ายการเมืองของจีน ตีแผ่อำนาจชั่วร้ายของการแพร่กระจายข่าวปลอม หรือ เฟกนิวส์ (fake news) ซึ่งทำให้ชาวแดนมังกรเกิดความเห็นต่างกันคนละขั้ว และยังโหมกระพือให้เกลียดชังคนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ


นาย จยา ชิงกั๋ว อดีตคณบดีโรงเรียนการนานาชาติศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ( the School of International Studies at Peking University) และปัจจุบันดำรงตำแหน่งคณะกรรมการประจำของสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) ซึ่งเป็นคณะที่ปรึกษาสูงสุดด้านการเมืองของจีน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว “เดอะคัฟเวอร์” ( TheCover)ในเครือ “เสฉวนเดลี” ซึ่งเป็นสื่อของรัฐ เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2565 ว่า เมื่อสังคมถูกแบ่งแยกด้วยข้อมูล ที่บิดเบือน การทำให้สังคมเข้าใจข้อเท็จจริงและมีความเห็นลงรอยกัน จึงเป็นเรื่องที่ยากขึ้น บางคนโพสต์ข่าวปลอม ที่ตนเองสร้างขึ้นมา เพื่อหวังให้คนในโลกออนไลน์ชอบใจ และข้อความเหล่านี้มักแสดงให้เห็นถึงความคิด เกี่ยวกับเรื่องชาตินิยมด้วยทัศนคติ ที่คับแคบ นอกจากนั้น การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ที่บิดเบือน ยังยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้ารุนแรงระหว่างจีนกับชาติอื่น ๆ

นายจยาระบุว่า ข่าวปลอมสะพัดว่อนไปทั่วอย่างรวดเร็ว ด้วยการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งใช้ต้นทุนต่ำ รวดเร็ว และครอบคลุมเป็นวงกว้าง แตกต่างจากกับวิธีการสื่อสารแบบเก่า นอกจากนั้น ยังอาศัยวิธีการทำการตลาดบางอย่างเข้าช่วย

นายจยา ชิงกั๋ว ระบุว่า ข้อมูลที่บิดเบือนในสื่อสังคมออนไลน์สามารถโหมกระพือให้คนในสังคมเป็นปรปักษ์กับต่างชาติได้ – ภาพเว่ยปั๋ว
เขาตั้งข้อสังเกตว่า การแพร่กระจายข่าวเท็จส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผลประโยชน์ของประเทศและสังคมจีน ดังนั้น เขาจะเสนอต่อที่ประชุมประจำปีของ CPPCC ซึ่งเริ่มขึ้นแล้วในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2565 ให้มีการออกกฎหมาย เพื่อกวาดล้างพวกที่ชอบสร้างข่าวปลอมและชอบแชร์ข่าวปลอม

นายจยา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสหรัฐฯ ออกมาแสดงความคิดเห็น ในช่วงเวลาเดียวกับที่สื่อสังคมออนไลน์ของจีนกำลังท่วมท้นไปด้วยข่าวปลอม เกี่ยวกับเรื่องรัสเซียบุกยูเครน ซึ่งชาวเน็ตแดนมังกรกำลังเสพกันอย่างหนักหน่วง แม้ข้อมูลจะถูกสื่อกระแสหลักบางสำนัก และนักตรวจสอบอิสระหักล้างไปแล้วก็ตาม

นอกจากนั้น ข้อเสนอของนายจยายังมีขึ้น ในช่วงเดียวกับที่มีผลสำรวจระบุว่า ประเทศจีนในสายตาของคนในชาติที่พัฒนาแล้ว อยู่ในระดับตกต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ แต่ในขณะเดียวกันความคิดเกี่ยวกับชาตินิยมในหมู่ชาวจีนก็อยู่ในระดับที่สูง


ที่ผ่านมาการกำกับดูแลสื่อสังคมออนไลน์แดนมังกรยังมีจุดอ่อน เนื่องจากผู้คุมกฎมีการควบคุมตรวจสอบเนื้อหา ที่สร้างขึ้นในจีน หรือเกี่ยวข้องกับจีน แต่เพิกเฉยการตรวจสอบในเรื่องการสมรู้ร่วมคิดกันสร้างข่าวเท็จเกี่ยวกับรัฐบาลและสังคมต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสมรู้ร่วมคิดกันสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับสหรัฐฯ ซึ่งมีชาวเน็ตเมืองจีนจำนวนมหาศาลเข้าไปดู พวกเขามองโลกนี้เป็นเกมช่วงชิงผลประโยชน์ระหว่างจีนกับชาติตะวันตก ขณะที่นักวิชาการและสื่อมวลชนได้ออกมาเตือนถึงเรื่องการแสดงออกถึงความรักชาติอย่างมั่นใจจนเกินไปและทัศนคติของวัยรุ่นจีนต่อตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ ในสื่อสังคมออนไลน์

US-China Perception Monitor
ซึ่งเป็นเว็บไซต์ เกี่ยวกับการสำรวจการรับรู้ของผู้คนระหว่างสหรัฐฯ กับจีนของศูนย์คาร์เตอร์ ได้เผยแพร่ผลสำรวจชิ้นหนึ่งเมื่อเดือนพ.ย. 2564 ซึ่งระบุว่า ชาวจีนร้อยละ 62 มองสหรัฐฯ ในแง่ลบ และในกลุ่มคนอายุ 16-24 ปี มีมุมมองแบบนี้เพิ่มถึงร้อยละ 63

จาก “Fake news driving wedge between Chinese and foreigners, top Beijing adviser says in call for ban” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์



กำลังโหลดความคิดเห็น