เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นที่สถานีรถไฟนครเซียงไฮ้ เมื่อชายคนหนึ่งเป็นลมหมดสติ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสถานีเชื่อว่า เขาพยายามฆ่าตัวตาย เพราะมีการฝากจดหมายฉบับหนึ่งกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งถึงกับอึ้ง เมื่อได้อ่านข้อความในจดหมาย ที่เขาเขียนถึงลูกชาย
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยจากรายงานของ KNews สื่อเผยแพร่ข่าววิดีโอท้องถิ่นของจีน ชายวัย 55 ปี ไม่ระบุชื่อแซ่ เดินมายื่นจดหมายให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสถานีรถไฟเซี่ยงไฮ้ พร้อมกับบอกว่า เขาเพิ่งกินยาเกินขนาด สักพักก็เป็นลมหมดสติต่อหน้าต่อตาตรงนั้น
พวกเจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวเขาส่งโรงพยาบาล และถือวิสาสะเปิดจดหมาย ซึ่งสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นจดหมายลาตาย
ชายผู้นี้เขียนว่า เขามีชีวิตอยู่ต่อไปก็รังแต่จะอับอายชาวบ้านร้านตลาด เพราะว่าลูกชายของตัวเองนั้นยังไม่ได้แต่งงาน สร้างครอบครัว
“ คนรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อในหมู่บ้าน พวกเขามีลูกมีหลานกันหมดแล้ว” เขาระบุในจดหมาย
“ แต่ดูแกซิ อายุปาเข้าไป 29 แต่ยังไม่มีอะไรสักอย่าง”
พอข่าวนี้แพร่สะพัดไป คอมเมนต์ในโลกโซเชียลก็กระหึ่มทันที เกี่ยวกับประเด็นคนหนุ่มสาวชาวจีน ถูกกดดันให้รีบแต่งงานไว ๆ
ในแพลตฟอร์ม “เว่ยปั๋ว” ซึ่งเป็นทวิตเตอร์เวอร์ชั่นจีน มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นในฐานะพ่อคนหนึ่งว่า
“ คนเป็นพ่อมีหน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงดูลูกชายให้เติบใหญ่ และให้การศึกษาที่ดี แต่ก็อยากเห็นลูกได้แต่งงานและเริ่มต้นทำธุรกิจสักอย่าง เพียงแค่นี้คนเป็นพ่อก็ได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว”
ขณะที่อีกหลายคนกลับแสดงความเห็นใจลูกชายของลุงคนนี้ว่า น่าจะแบกรับภาระหนักมากกว่า เพราะถูกบีบคั้นให้รีบแต่งงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่นึกอยากจะแต่งก็แต่ง
ในสังคมเมืองจีนนั้น มักคาดหวังกันว่า คนเราจะต้องแต่งงานมีคู่ครองก่อนอายุขึ้นเลข 3 จึงเป็นเรื่องปกติ ที่คนเป็นพ่อแม่อยากเห็นลูกของตนเดินไปตามแนวทางนั้น และอาจทำถึงขนาด “นัดบอด” โดยให้ลูกนัดเจอกับคนที่พ่อแม่หมายตาทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักกันมาก่อน
ถ้าสาวจีนอายุเกิน 27 ปีและยังไม่แต่งงาน พวกเธอจะถูกพูดถึงว่า เป็นผู้หญิงเหลือเดน
สังคมยังคงยึดถือค่านิยมนี้ แม้ผลสำรวจเมื่อปีที่แล้วพบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของหญิงสาว ซึ่งอาศัยในเมืองของจีน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีแผนแต่งงาน
ส่วนคนรุ่นหนุ่มในจีนนั้นเล่า ก็ถูกพ่อแม่รบเร้าให้แต่งเมียเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
มู่ เจิง ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมวิทยาของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ระบุว่า เพราะเขาถูกคาดหวังให้สืบทอดวงศ์ตระกูล
นอกจากนั้น การแต่งงานยังเป็นเครื่องบ่งชี้สำคัญถึงการมีวุฒิภาวะทางสังคม และความสำเร็จส่วนบุคคล โดยเมื่อคนหนุ่มแต่งงานและรับภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้เมื่อใด ย่อมแสดงว่า เขามีความพร้อมทั้งด้านสังคมและการเงินแล้วนั่นเอง
ข้อมูลจาก A man in China who apparently tried to kill himself said he was ashamed that his son was still single at 29 ในเว็บไซต์ข่าว Insider