รอยเตอร์ - ไชน่ายูนิคอม บริษัทผู้ให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจในสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลความวิตกกังวลว่า อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ
คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการสื่อสารของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FCC) ลงมติ 4-0 เห็นชอบการเพิกถอนครั้งนี้ หลังจากไชน่ายูนิคอมได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจเมื่อปี 2545 โดยจะต้องยุติการให้บริการภายใน 60 วัน หลังจากมีการประกาศคำสั่ง
ธุรกิจของไชน่ายูนิคอมในสหรัฐฯ มีทั้งการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบไม่มีโครงข่ายของตนเอง (mobile virtual network operator services) ,บริการวงจรสื่อสารข้อมูลส่วนตัวความเร็วสูงระหว่างประเทศ หรือ IPLC , บริการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงส่วนบุคคลอีเทอร์เน็ต , บริการคลาวด์ และอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ แต่ไชน่ายูนิคอมยังสามารถให้บริการรับฝากฐานข้อมูลสำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกันได้ต่อไป
นับเป็นบริษัทผู้ให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคมสัญชาติจีนรายล่าสุด ที่ถูกสหรัฐฯ สกัดกั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าว โดย FCC ระบุว่า สหรัฐฯ มีหลักฐานบ่งชี้มากขึ้น ว่า ธุรกิจให้บริการในสหรัฐฯ ของไชน่ายูนิคอม (China Unicom Americas) มีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของและผู้ควบคุมตัวจริง จึงถือเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงต่อเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมของสหรัฐฯ
ด้านไชน่ายูนิคอมออกแถลงการณ์ว่า การตัดสินใจของเอฟซีซี ปราศจากเหตุผลสนับสนุนและไม่ให้เวลาไชน่ายูนิคอมในการดำเนินกระบวนการ อันชอบธรรมตามกฎหมาย โดยไชน่ายูนิคอมจะเคลื่อนไหว เพื่อปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของบริษัทและลูกค้าต่อไป
FCC เริ่มดำเนินความพยายาม ในการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจของไชน่ายูนิคอม, แปซิฟิกเน็ตเวิร์กส์ (Pacific Networks) และคอมเน็ต (ComNet) มาตั้งแต่เดือนมี.ค. 2564 โดยบริษัทผู้ให้บริการระบบโทรคมนาคมสัญชาติจีน ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงก่อนหน้านี้คือไชน่าเทเลคอม
นอกจากนั้น เมื่อปี 2562 FCC ยังไม่อนุญาตให้บริษัทไชน่าโมบายล์ เข้ามาทำธุรกิจให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคมในสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลเสี่ยงเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ เช่นกัน