โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจระหว่างประเทศ(UIBE) วิทยาลัยนานาชาติ(SIE) กรุงปักกิ่ง
ประเด็นที่อยากจะพูดถึงในวันนี้ไม่ใช่ข่าวเด่นข่าวดังอะไรในค่ายสำนักข่าวต่างๆ แต่เป็นประเด็นดังที่พูดกันมากกันในโลกโซเซียลมีเดียจีน ผู้เขียนตะหงิดใจหลังจากได้ดูคลิปต่างๆ เริ่มมีคนออกมาพูดว่าเพิ่งถูกให้ออกจากงาน แผนกงานที่ทำอยู่กำลังลดพนักงาน เป็นต้น แล้วส่วนใหญ่ที่ออกมาเปิดเผยบนโซเชียลมีเดียต่างๆเป็นพนักงานวัย 20 กว่าถึง 30 ต้นๆ
ผู้เขียนเลยหาข้อมูลและข่าวต่างๆก็ทราบได้คร่าวๆว่า บริษัทไอทีหลายรายของจีนกำลังปรับโครงสร้างภายในกันเนื่องจากสภาพการแข่งขันในประเทศที่สูงมาก การเติบโตของกลุ่มบริษัทไอทีหลายประเภทเริ่มถึงจุดอิ่มตัว กอปรด้วยแนวนโยบายรัฐบาลที่เปลี่ยนไป
การปลดพนักงานดูน่าจะเป็นเรื่องปกติกว่านี้ถ้าไม่ได้เกิดในกลุ่มอุตสาหกรรมไอทีของจีน ทำไมถึงพูดแบบนั้น? เพราะช่วง 10 ปีมานี้ที่อุตสาหกรรมไอทีจีนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้กลุ่มคนหัวกะทิเก่งๆทั่วประเทศต่างกรูกันเข้าไปทำงานในอุตสาหกรรมไอที เพราะผลตอบแทนดีและมีโอกาสพัฒนาสูง เด็กจีนที่เรียนจบใหม่แต่ละปีจากมหาวิทยาลัยระดับท็อปๆของประเทศต่างก็อยากจะเข้าทำงานในบริษัทไอทีต่างๆที่แข็งแกร่งและกำลังเติบโต
ขอบรรยายให้เห็นภาพเพิ่มเติม อย่างในปี 2021 นักศึกษาปริญญาตรีที่จบใหม่จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง 5,257 คน มี 22.22% เข้าไปทำงานในบริษัทไอทีและเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ ส่วนนักศึกษาปริญญาตรีที่จบใหม่จากมหาวิทยาลัยชิงหัวมี 19.4% ที่เข้าไปทำงานบริษัทไอทีและเทคโนโลยีสารสนเทศ นักศึกษาปริญญาตรีที่จบใหม่จากมหาวิทยาลัยหนานจิง มี 25.56% ที่เลือกเข้าไปทำงานบริษัทไอทีและเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนนักศึกษาจบใหม่ทางมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง มี 29.68% เลือกเข้าไปทำงานในบริษัทไอที ส่วนกลุ่มบริษัทไอทีที่รับนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยท็อปของประเทศเข้าทำงานเป็นจำนวนมากก็ได้แก่ อาลีบาบา (Alibaba) เทนเซนต์ (Tencent) และ ไบต์แดนซ์ (Bytedance) ซึ่งเป็นบริษัทมแม่ของติ๊กต็อก (Tiktok)
ในยุครุ่งเรืองของกลุ่มบริษัทไอที มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนปี 2021 ที่เริ่มมีข่าวกลุ่มธุรกิจไอทีเริ่มปลดพนักงาน ทั้งๆที่ในปี 2020 หลายบริษัทเพิ่งเพิ่มตำแหน่งงานอยู่เลย ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Bytedance เมื่อปี 2020 มีแผนจ้างพนักงานในประเทศ 40,000 คน โดยจะจ้างคนเพิ่มอีก 10,000 ตำแหน่งในกิจการด้านการศึกษา ส่วนแพลตฟอร์มดังของจีน อย่าง ไคว่โส่ว วิดีโอ (Kuaishou short video online) เมื่อปลายปี 2020 จ้างงานเพิ่มอีก 10,000 ตำแหน่ง ทำให้เมื่อสิ้นปี 2020 Kuaishou มีพนักงานรวมทั้งสิ้นมากกว่า 20,000 คนทั่วประเทศ สองบริษัทนี้เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมามีข่าวการปลดลดพนักงาน
สิ่งที่คนจีนทั่วไปรับรู้กันคือบริษัทไอทีขนาดใหญ่พวกนี้เพิ่มคนงานมาตลอดและมีแผนที่จะเพิ่มฯทุกๆปี ไม่ทันไรก็เริ่มมีข่าวปลดพนักงานเป็นวงกว้างขึ้นมาอย่างรวดเร็วสร้างความกังวลและหวาดหวั่นในสังคมเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในตลาดแรงงานในจีนและนโยบายต่างๆทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวกัน อีกทั้งในภาคธุรกิจไอทีจีนที่เป็นที่รวมตัวของคนระดับหัวกะทิ ก็จะมีภาระค่าใช้จ่ายด้านทรัพยากรบุคคลที่มากโขอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอกและนโยบายจากปัจจัยภายในล้วนมีผลกระทบอย่างรวดเร็วกับตำแหน่งงานในบริษัทเอกชนทั้งสิ้น ยิ่งจีนเป็นประเทศที่มีการปรับเปลี่ยนเร็วด้วยแล้ว ด้านของตลาดแรงงานก็ปรับเปลี่ยนเร็วตามไปด้วย
จากบทความวิเคราะห์ต่างๆในโซเซียลเกี่ยวกับเหตุผลภายในของบริษัทพวกนี้ ที่ทำให้เริ่มมีการปลดพนักงานจำนวนมากในกลุ่มบริษัทไอที มีดังนี้
- อัตราการทดแทนตำแหน่งงานที่เร็ว ที่ผ่านมาบริษัทไอทีจีนขยายและรับพนักงานเป็นจำนวนมาก ลักษณะเด่นคือ เปิดประตูอ้าแขนรับผู้มีความสามารถก่อน หลังจากเข้ามาแล้ว ทุกคนต้องแข่งกันวิ่ง แข่งกันทดลอง ถูกทดสอบ ถูกจับตาและคนที่ไม่ผ่านก็ถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว หลายบริษัทเชื่อว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่จะสามารถหาทรัพยากรบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่เก่งที่สุดให้แก่องค์กรของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งงานและการทดแทนจะเกิดขึ้นเร็วมากๆในบริษัทไอที
- พนักงานของบริษัททุกคนก็เหมือนเป็น “รหัส” ขององค์กร ทุกคนถูกหลอมเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกันในแผนก ทุกคนจะมีรหัสของตัวเอง หมายถึงมีทักษะเฉพาะของตัวเองที่โดดเด่น หากว่าพนักงานทำงานไปแล้ว ถูกทดสอบไปแล้วไม่มีทักษะอะไรที่โดดเด่นไปกว่าคนอื่นๆก็จะถูกถอดเด้งได้ง่าย
ผู้เขียนมองว่า สองลักษณะเด่นของการคัดคนในอุตสาหกรรมไอทีจีนที่กล่าวไปก็ค่อนข้างสอดคล้องกับความไวในการเติบโตและการแข่งขันของตลาดภายในประเทศที่จะหยุดนิ่งไม่ได้เลย
เรื่องของกระแสปลดพนักงานครั้งใหญ่ของกลุ่มอุตสาหกรรมไอทีจีน เพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อเดือนธ.ค. 2021 ที่ผ่านมา บริษัทวีดีโอสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มใหญ่ของจีนอย่าง อ้ายฉียี่ (QIYI) ได้ปลดพนักงานออก 30% จากพนักงานทั้งหมดโดยแผนกที่ถูกลดจำนวนพนักงานก็คือฝ่ายการตลาด ฝ่ายบริหาร เป็นต้น บางแผนกมีการลดพนักงานมากถึง 50% เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีข่าวคราวกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ปลดพนักงาน ได้แก่ Bytedance ปลดพนักงานสายงานการศึกษา เกมส์ออนไลน์ลง 30%, บริษัทตีตี (DiDi) บริการเรียกรถแท็กซี่ ได้ประเมินพนักงานระดับผู้บริหารและหัวหน้าแผนกและผู้ที่ได้ระดับ C จะถูกเชิญออกทันที โดยมีการประเมินว่าบริษัทตีตีจะปลดพนักงานระดับบริหาร 10% ซึ่งเป็นกลุ่มที่กินเงินเดือนสูง, บริษัทไอทีโซลูชั่น 360.com ก็มีข่าวปลดพนักงานครั้งใหญ่, บริษัท Ctrip.com แพลตฟอร์มเอเจนซี่ท่องเที่ยวปลดพนักงานที่สำนักงานใหญ่ 30% ขณะที่ไป่ตู้ (Baidu) และ เทนเซนต์ มีแผนลดพนักงานบางแผนกในช่วงนี้ด้วย
ในปีที่แล้วที่โรงเรียนกวดวิชาถูกปราบปรามทำให้โรงเรียนกวดวิชาในจีนอย่างซินตงฟาง (Xindongfang) ปลดพนักงานออกไปแล้ว 60,000 กว่าตำแหน่งตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และเพราะการปลดพนักงานเป็นกลุ่มก้อนในช่วงนี้ทำให้คำว่า “ปลดพนักงาน” หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า “裁员” อ่านว่า ฉ่ายหยวน กลายเป็นคำค้นยอดฮิตใน Baidu.com จากสถิติการสืบค้น คำว่า “ปลดพนักงาน” ช่วงปลายปี 2021 เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากต้นปี
จะเห็นได้ว่าโลกโซเชียลจีนให้ความสนใจกับการปลดพนักงานของกลุ่มบริษัทไอทีมากทีเดียว แรงสั่นสะเทือนมีค่อนข้างมาก หลายคนอาจจะรู้สึกไม่ปลอดภัยในอาชีพการงานของตนเอง เมื่อกล่าวไปถึงปัจจัยภายในบริษัทที่ต้องการปรับตัวแล้ว ก็เกี่ยวโยงกับปัจจัยภายนอกอีกคือในระดับของนโยบายและแนวทางของประเทศ ผู้เขียนข้อสรุปคร่าวๆดังประเด็นต่อไปนี้
- การเติบโตของอุตสหกรรมไอทีจีนที่ผ่านมาแทบจะไม่มีข้อจำกัดทางนโยบายเลย จึงเติบโตกันอย่างที่เรียกว่า “野蛮成长” อ่านว่า เหย่หมานเฉิงจ่าง แปลว่าเติบโตอย่างไร้ทิศทาง จากนี้ต่อไปต้องเป็นระบบระเบียบมากขึ้น ไม่ใช่จะตักตวงเอาแต่ผลประโยชน์เข้าตัวเองต่อไปนี้ยังต้องโตอยู่ แต่โตไปในแบบที่มีการควบคุม
- การเติบโตของอุตสาหกรรมไอทีจีนยังคงมีอยู่ในช่วงของการเติบโต แต่การจะมาแบบฉาบฉวย ใช้ช่องว่างและโอกาสหาเงินแบบง่ายๆเหมือนแต่ก่อน สร้างความเดือดร้อนให้กลุ่มคนข้างล่างน่าจะไม่ใช่แล้ว บริษัทไอทีต้องใช้เทคโนโลยีจริงๆที่ตัวเองมี นวัตกรรมที่มีไปสร้างรายได้ ไม่ใช่มานั่งจับปลาตกเบ็ดขูดรีดกลุ่มคนที่ด้อยกว่าในสังคม
- จากนโยบายหลักของประเทศเปลี่ยนไปและสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงล้วนกระทบกับบริษัทเอกชนจีนร่ายใหญ่แทบทั้งสิ้น หลายบริษัทมียอดกำไรลดลงในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องรีบปรับตัวกัน
ผลที่เกิดขึ้นคือ เด็กจำนวนมากที่จบใหม่ในปีนี้จะเบนเข็มไปสมัคร สอบแข่งขันและเข้าทำงานรับราชการและรัฐวิสาหกิจมากขึ้นเพราะมีความมั่นคงกว่า สุดท้ายแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกประเทศก็ต้องปรับตัวเองกันไปตามสถานการณ์ในประเทศและต่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงค่ะ