xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights : มารู้จักตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองของจีนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วงโควิด-19 นี้ ภาพ: ร้านสินค้าแบรนด์เนมแห่งหนึ่งในจีน (แฟ้มภาพ เอเจนซี่)
โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจระหว่างประเทศ(UIBE) วิทยาลัยนานาชาติ(SIE) กรุงปักกิ่ง

ในบทความก่อนหน้านี้ผู้เขียนเคยเขียนประเด็นเรื่องตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยของจีนและความนิยมของคนจีนรุ่นใหม่กับสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ วันนี้อยากที่จะมาเล่าสู่กันฟังในประเด็นของตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองจีน เพราะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองของจีนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 นี้ คนจีนไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศไปช็อปปิ้งกันเหมือนแต่ก่อน เมื่อสินค้าแบรนด์เนมรุ่นขายดีต่างๆมือหนึ่งในประเทศขาดตลาด กลายว่าสินค้ามือสองของแท้กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนพยายามหาซื้อกันและคนจีนยุคใหม่จำนวนหนึ่งมองถึงความคุ้มค่าของการใช้งานและการมีครอบครองก็นิยมหาซื้อมือสองสภาพดีๆ ที่ราคาย่อมเยาว์กว่า ผู้เขียนมองว่าตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองของจีนน่าจับตามอง เพราะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงเกือบ 5 ปี และยิ่งเติบโตอย่างรวดเร็วสวนกระแสการระบาดโควิด-19

จากการประเมินตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยจีนมูลค่ารวมจะทะยานไปสู่ 1.4 ล้านล้านหยวนในปี 2025 แต่ในส่วนของตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองกินส่วนแบ่งอยู่เพียง 5% เท่านั้น ขณะที่ในประเทศที่พัฒนาแล้วตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองมีส่วนแบ่งในตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยในประเทศนั้นๆมากกว่า 20%-30% สำหรับจีนเองตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองยังถือว่ามีช่องว่างในการเติบโตอยู่มากทีเดียว ดังนั้นตลาดสินค้ามือสองจีนยังอยู่ในช่วงของการแตกขยายและมีแนวโน้มจะทะยานไปสู่หลักล้านล้านหยวนด้วย

ส่วนแบ่งตลาดของสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองเทียบกับขนาดตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยทั้งหมดในประเทศต่างๆ ดังนี้ (ที่มา Zhihu.com)

จีน 5%

ญี่ปุ่น 28%

อเมริกา 31%

ฝรั่งเศส 22%

อังกฤษ 26%

ณ ปัจจุบันบริษัทคนกลางซื้อขายสินค้ามือสองทั้งในและต่างประเทศกำลังลงมาเล่นในตลาดนี้ของจีนและมีการระดมทุนกันอยู่ตลอดเวลา การลงทุนในตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองจีนในปัจจุบันมีมากกว่า 900 ล้านหยวน บริษัทส่วนใหญ่ระดมทุนในรอบ A-B นั่นหมายถึงยังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้น และแน่นอนว่าการเติบโตของธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองจะไปกระจุกตัวอยู่ในเมืองชั้นหนึ่งและสองอย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น หางโจว หนานจิง โดยกลุ่มเมืองชั้นหนึ่งมีสัดส่วน 70% ของผู้บริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยมือสอง แต่ความนิยมของการซื้อขายสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองในจีนก็กำลังคืบไปในเมืองชั้นสามลงไปตามลำดับ เพราะมีหลายแพลตฟอร์มที่แบรนด์ซื้อขายของมือสองที่เริ่มติดตลาด มีเครดิต คนก็รู้จักและเชื่อถือมากขึ้น

ผู้เขียนขอยกตัวอย่างในปักกิ่ง มีร้านขายของแบรนด์เนมมือสองแห่งหนึ่งชื่อว่า ‘ผิ่นเจินเก๋อ’ (品珍阁) เป็นธุรกิจแตกไลน์ของบริษัทโรงรับจำนำ ‘หวาซย่า’ (华夏)ที่ปัจจุบันมีหน้าร้านหลายแห่งในปักกิ่งและยังมีร้านออนไลน์อีกด้วย สินค้าที่ขายก็จะเป็นสินค้ามือสองประเภทกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู ทองคำ เพชร อัญมณี หยก เครื่องประดับแบรนด์เนม เป็นต้น ในย่านที่ผู้เขียนพักอยู่ก็มีร้านสาขา ‘ผิ่นเจินเก๋อ’ เวลาเดินผ่านช่วงวันหยุด เทศกาลต่างๆ คนจะเยอะอยู่เสมอ เคยเข้าไปคุยกับพนักงานขายอยู่เหมือนกันถามเขาว่าร้านสาขานี้ยอดขายรายเดือนประมาณเท่าไหร่ เขาว่ามากกว่า 10 ล้านหยวนหรือมากกว่า 50 ล้านบาทต่อเดือน!! ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าหน้าร้านที่ไม่ใหญ่มากและไม่ใช่สาขาใจกลางเมืองปักกิ่งจะมียอดขายมากขนาดนั้น

ทีนี้เรามาดูตัวเลขหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองกลุ่มเมืองชั้นหนึ่งและเมืองชั้นสองของจีน ‘ห้าอันดับแรก’ ที่ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองกันมากที่สุด ได้แก่ เซินเจิ้น 8.7% หนานจิง 7.9% หางโจว 6.5% ปักกิ่ง 6.4% และเซี่ยงไฮ้ 5.1% โดยเมืองชั้นหนึ่งจีนเซินเจิ้นอยู่ในอันดับหนึ่ง ส่วนปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้อยู่ในอันดับรองจากหนานจิงและหางโจว อาจจะเป็นได้ว่า คนปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้นิยมซื้อสินค้าแบรนด์เนมมือหนึ่งมากกว่า แต่สินค้ามือสองก็มีผู้บริโภคอยู่เช่นกัน

ส่วนกลุ่มผู้บริโภคหลักสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองจะอยู่ในช่วงอายุ 29-36 ปีคิดเป็น 52% ของกลุ่มผู้บริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองทั้งหมด อันดับที่สองคือกลุ่มช่วงอายุ 19-28 ปีคิดเป็น 24% จากตัวเลขจะเห็นได้ว่ากลุ่มคนที่นิยมสินค้าแบรนด์เนมมือสองคือกลุ่มคนยุคใหม่ของจีน ที่มีทัศนคติด้านการใช้สินค้าที่เปลี่ยนไป คนจีนยุคก่อนๆจะค่อนข้างถือกันมากเรื่องใช้ของมือสองต่อจากคนอื่น แต่ ณ ปัจจุบันสังคมจีนและเปิดกว้างและยอมรับสินค้ามือสองกันมากขึ้น

แอปป์เสียนหอี๋ว์จากค่ายอาลีบาบา เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายของมือสองอันดับหนึ่งของจีน (แฟ้มภาพจากสื่อจีน Wangyi News)
อีกหนึ่งเรื่องราวที่อยากจะถ่ายทอดสู่กันฟังคือแพลตฟอร์มซื้อขายของมือสองอันดับหนึ่งของจีนจากค่ายอาลีบาบา ชื่อว่า ‘เสียนอี๋ว์’ (闲鱼) ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ปี 2015 ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าแจ็คหม่า คือผู้มาก่อนกาลเสมอ โดยกลุ่มผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเสียนอี๋ว์จะลิงค์ได้โดยตรงจากบัญชีเถาเป่าและมีการเติบโตมาตลอด

จากสถิติที่เปิดเผยจากบริษัทด้านวิจัยการตลาด ‘อ้ายเหม่ย’ รายงานว่าในปี 2020 ขนาดของการซื้อขายสินค้ามือสองจีนบนออนไลน์พุ่งสูงถึง 3.7 แสนล้านหยวนในขณะที่ปี 2019 ขนาดของการซื้อขายสินค้ามือสองออนไลน์มีอยู่ 2.59 แสนล้านหยวน โดยแพลตฟอร์มเสียนอี๋ว์ กินส่วนแบ่งตลาดสูงสุดคือ 36% และกลุ่มผู้ใช้ภักดีของแพลตฟอร์มเสียนอี๋ว์คือกลุ่มคนที่เกิดหลังปี 1990 คนจำนวนมากต้องการซื้อของมือสองเพราะมองว่าคุ้มค่ากว่า บางคนอาจมีเป้าหมายการใช้งานที่สั้น และสินค้ามือสองราคาก็ต่ำกว่าของมือหนึ่ง ทำให้หลายคนมองว่าคุ้มค่าที่จะไปหาเลือกซื้อ จากการเติบโตของตลาดสินค้ามือสองทำให้บางคนเริ่มเข้าไปในธุรกิจนี้และทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากการหาของซื้อมาขายไป

ตลาดซื้อขายสินค้ามือสองยังขยายออกไปเป็นหลายประเภท อย่าง สินค้าฟุ่มเฟือยก็เป็นหนึ่งภาคธุรกิจที่กำลังเฟื่องฟู แต่ในธุรกิจซื้อขายสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองของจีนก็ยังมีปัญหาอยู่มาก เพราะยังไม่มีระบบที่เป็นส่วนกลางเข้ามาควบคุมและดูแล ไม่มีมาตรฐานเดียวกันเท่าใดนัก จะได้ยินข่าวเสมอๆว่าของปลอมเข้ามาปะปนกันเยอะพอสมควร ผู้ซื้อหลอกผู้ขาย ผู้ขายหลอกผู้ซื้อ อย่างเช่นในแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองออนไลน์หนึ่ง มีลูกค้าร้องเรียนมากกว่าหนึ่งพันคน ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเจอสินค้าปลอม ถูกหลอกให้เชื่อจนตัดสินใจซื้อไป เป็นต้น ในส่วนของผู้ขายเองก็อาจจะเจอลูกค้าตั้งใจร้องเรียนเพื่อจะขอเปลี่ยนของหรือพยายามทำลายเครดิต เป็นต้น เหตุการณ์พวกนี้ก็ยังมีให้เห็นได้ทั่วไปในตลาดซื้อขายสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองจีน สำหรับตลาดการซื้อขายสินค้ามือสองรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งดูดายและออกกฎระเบียบควบคุมและดูแลผู้บริโภคอยู่ พยายามสร้างระบบให้เป็นมาตรฐาน ด้านการสนับสนุนก็มีมากเพราะการซื้อขายสินค้ามือสอง ก็เหมือนการนำกลับมาใช้ใหม่ รักษาสิ่งแวดล้อม

สุดท้ายนี้ผู้เขียนมองว่าตลาดการซื้อขายสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองจีนกำลังเติบโตจริงและสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองจีนสภาพดีๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะราคาถูกเพราะความต้องการมีมากตรงนี้คนกลางรับส่วนต่างไปเลยเต็มๆ แต่อย่างที่กล่าวไปว่าไม่มีมาตรฐานเดียวกันในปัจจุบัน ทำให้ร้านค้าและแพลตฟอร์มต่างๆที่ขายของแบรนด์เนมมือสองของจีนอยู่ได้ด้วยเครดิตที่สะสมมาแท้ๆ ระบบที่เป็นมาตรฐานก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ยั่งยืนคือเครดิตความน่าเชื่อถือที่มีมา


กำลังโหลดความคิดเห็น