xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights&:เปิดประตูทำความรู้จักกับธุรกิจสัตว์เลี้ยงในจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แมวพันธุ์ที่คนจีนนิยมเลี้ยงกัน (ที่มา Baik)
โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูลมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจระหว่างประเทศ(UIBE) วิทยาลัยนานาชาติ(SIE) กรุงปักกิ่ง

วันนี้ประเด็นที่ผู้เขียนอยากจะมาบอกเล่าสู่กันฟัง คือเรื่องของธุรกิจสัตว์เลี้ยงในจีน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตในเมืองชั้นหนึ่ง กลุ่มคนรุ่นใหม่ มีแนวโน้มที่จะมีสัตว์เลี้ยงของตัวเองมากขึ้น รอบตัวผู้เขียนเองก็มีเพื่อนหลายคนมีสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสุนัขและแมว และถึงแม้ว่าบ้านที่พักอาศัยจะมีพื้นที่จำกัดก็ยังนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย ในปีที่โรคโควิด-19 ระบาด แนวโน้มธุรกิจสัตว์เลี้ยงในจีนกลับเติบโตอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด ปัจจัยหนึ่งมาจากการที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น กิจกรรมสันทนาการน้อยลงดังนั้นการมีสัตว์เลี้ยงช่วยคลายเหงาเป็นเพื่อนได้ ไม่ใช่แค่ในจีนเท่านั้นที่ธุรกิจสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างมากในช่วงโควิด-19 ทั่วโลกเองก็เป็นเช่นนั้น อย่างการสืบค้นข้อมูลในกูเกิลคำว่า “ซื้อสุนัข” และ “เลี้ยงสุนัข” ก็กลายเป็นคำสืบค้นยอดฮิตโดยเพิ่มจำนวนขึ้นมากกว่าสองเท่า เทียบกับช่วงก่อนการระบาดโควิด-19

สำหรับจีนเองการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างเช่นสุนัขในปัจจุบันเปลี่ยนจากการเลี้ยงเพื่อให้เฝ้าบ้านมาเป็นการดูแลเหมือนลูก ทัศนคติการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงของคนสมัยใหม่ได้เปลี่ยนไป การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพื่อเสมือนเป็นคนในครอบครัวหนึ่ง อยากที่ทุกท่านทราบกันดีจีนเป็นประเทศคนเยอะตลาดใหญ่ ในส่วนของตลาดสัตว์เลี้ยงก็เติบโตอย่างรวดเร็วและแตกแขนงออกไปในรูปแบบธุรกิจต่างๆกัน เช่น ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจของใช้สัตว์เลี้ยง ธุรกิจด้านการพยาบาล ธุรกิจด้านความสวยงามตกแต่ง เป็นต้น ในช่วงนี้ยังเกิดธุรกิจแต่งงานให้สัตว์เลี้ยงและจัดพิธีศพให้สัตว์เลี้ยง

แม้ว่าภาคธุรกิจสัตว์เลี้ยงของจีนยังตามหลังฝั่งตะวันตกอยู่ แต่ก็กำลังมีการพัฒนานวัตกรรมอยู่ตลอด โดยเฉพาะด้านอาหารสัตว์และการผสมพันธุ์ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้อัตราเติบโตของธุรกิจสัตว์เลี้ยงในจีน เติบโตมากกว่าปีละ 30% ขนาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงในจีนคิดเป็นประมาณ 60% ของธุรกิจสัตว์เลี้ยงทั้งโลกเลยทีเดียว

งานแข่งขันความสามารถของสัตว์เลี้ยงในปี 2020 (ที่มา Weibo)
จากประสบการณ์ผู้เขียนเองที่มีเพื่อนที่มีสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานอายุ 20 ปลายถึง 30 ปีต้นๆที่ยังไม่แต่งงานมีลูก พวกนี้จะทุ่มเทกับสัตว์เลี้ยงอย่างมาก จ่ายเงินซื้ออาหารและของเล่นชนิดถึงไหนถึงกัน มีการประมาณการณ์ว่าเมื่อถึงปี 2023 ขนาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงในจีนจะมีมูลค่าสูงถึง 4 แสนล้านหยวน กลุ่มคนที่เกิดหลังปี 1995 จะมีสัตว์เลี้ยงของตัวเองมากกว่า 36% และกลุ่มคนโสดจะมีสัตว์เลี้ยงของตัวเองมากถึง 33%


แต่ก็จะมีคนบางกลุ่มที่ชอบสัตว์เลี้ยงมากแต่ไม่มีเวลาและกำลังเลี้ยงดู ก็ชอบที่จะค้นหาดูคลิปในเน็ตพวกสุนัขและแมวที่น่ารักๆ เพื่อเติมเต็มความต้องการของตัวเอง อย่างเช่น ในแพลตฟอร์มเวยปั๋ว (Weibo) ติ๊กต็อก (TikTok) และ ไค่วโส่ว (Kuaishou) เป็นต้น คนจำนวนมากใช้ช่วงเวลาว่างระหว่างวันดูไลฟ์สดสัตว์เลี้ยงน่ารัก ตามการรายงานของ Kuaishou ในเดือนพ.ค. 2020 ระบุว่าแค่ในช่วงเวลา 5.4 วินาทีจากการไลฟ์สดสัตว์เลี้ยงน่ารัก มีคนเข้ามาชมกว่า 100 ล้านคน กับขนาดของตลาดกว่าแสนล้าน ที่บางคนยังมองว่าเป็น “ทะเลสีฟ้า” มีกลุ่มธุรกิจและนักลงทุนเริ่มเข้ามสนใจธุรกิจสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น และสำหรับกุญแจสำคัญที่ช่วยผลักดันธุรกิจสัตว์เลี้ยงในจีนเติบโตต่อไปได้อีก มี 4 ประเด็นสำคัญได้แก่

1. ความต้องการของสังคมและจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเป็นลูกคนเดียวของที่บ้านและคนรุ่นใหม่นิยมมีสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เกิดช่วงปี 1980-1990 เป็นกลุ่มลูกค้าใหญ่ของตลาดกินส่วนแบ่งไปกว่า 80%

2. กำลังการบริโภคมีมากขึ้น โดยเฉพาะคนจีนในเมืองใหญ่ที่แต่งงานช้ามีลูกช้า หรือคนแก่ที่พักอาศัยคนเดียว พวกกลุ่มคนที่แต่งงานแต่ไม่มีลูก เป็นต้น

3. บ้านพักอาศัยเพียงพอและมีขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้น ตามสถิติพื้นที่พักอาศัยเฉลี่ยของคนในประเทศจีนมีมากขึ้น ความต้องการมีสัตว์เลี้ยงก็จะมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

4. อิทธิพลจากโซเซียลในปัจจุบัน เป็นตัวขับเคลื่อนให้คนรุ่นใหม่อยากมี อยากได้สัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง และจากธุรกิจการบริการสัตว์เลี้ยงที่คลอบคลุมมากขึ้นก็ตอบโจทย์ความต้องการของคนอยากมีสัตว์เลี้ยงได้มาก และการขายสัตว์เลี้ยงออนไลน์ก็จะมีเพิ่มมากขึ้นด้วย

น้องตูบสวมหน้ากากอนามัยในเซี่ยงไฮ้ ภาพปี 2020 (แฟ้มภาพ รอยเตอร์ส)
ในปี 2020 คนจีนมีจำนวนสัตว์เลี้ยงมากกว่า 100 ล้านตัว ในจำนวนนี้แนวโน้มการเลี้ยงแมวของคนจีนจะมีมากขึ้นในขณะที่การเลี้ยงสุนัขมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากการเลี้ยงแมวจะตอบโจทย์คนเมืองและคนทำงานได้มากกว่า เพราะแมวไม่ต้องพาเดินออกจากบ้านเพื่อทำธุระ แค่กระบะทรายใบเดียว น้ำและอาหารพร้อมแมวก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเองได้หลายวัน แต่ในส่วนของธุรกิจการพยาบาลและการรักษาสัตว์เลี้ยงในจีนยังไม่เข้าร่องเข้ารอยนัก หมายถึงยังไม่มีมาตรฐานควบคุมที่เข้มงวด เพราะโรงพยาบาลสัตว์และคลีนิกต่างเป็นของเอกชนทั้งสิ้น ก็มีการเก็บค่ารักษา เก็บเงินที่มากและแพงเกินจริง

ทีนี้เรามาดูกันในส่วนของกลุ่มรายได้ของคนจีนกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง จากการรายงานของสถาบันวิจัยธุรกิจสัตว์เลี้ยงปี 2020 กลุ่มรายได้ 4,000 หยวน หรือประมาณ 20,000 บาทมีสัตว์เลี้ยงอยู่ 22.3% กลุ่มรายได้ 4,000 – 9,999 หยวน หรือราว 20,000 – 50,000 บาทมีสัตว์เลี้ยงอยู่ 47.6% กลุ่มรายได้ 10,000 – 14,999 หยวน หรือประมาณ 50,000 – 75,000 บาทมีสัตว์เลี้ยงอยู่ 14.4% และสุดท้ายกลุ่มรายได้ 15,000 หยวนขึ้นไปหรือ 75,000 บาทขึ้นไปมีสัตว์เลี้ยงอยู่ 15.7%

จะเห็นได้ว่ากลุ่มรายได้ปานกลางของจีนจะเป็นกลุ่มที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงกันมากที่สุด ยิ่งรายได้เยอะยิ่งเลี้ยงน้อยอาจจะเพราะภาระทางการงานที่มีมากเป็นเงาตามตัว


ส่วนในเรื่องของโครงสร้างของตลาดด้านการใช้จ่าย 54.7% จะเป็นการใช้จ่ายด้านอาหารสัตว์ 16.2% คือการใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล อันดับสาม 13.6% คือการใช้จ่ายด้านของใช้ของเล่นสัตว์ และการใช้จ่ายเพื่อความงามการตัดขนมีอยู่ 4.1% อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ การใช้จ่ายด้านอาหารเสริมและของกินเล่นของสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นอย่างมากนอกจากอาหารหลักแล้ว เกือบ 40% ของเงินใช้จ่ายไปกับของกินเล่น ขนมสัตว์เลี้ยง

การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในจีนจะมีความเข้มงวดกับเจ้าของพอสมควร อย่างในปัจจุบันการเลี้ยงสุนัขต้องลงทะเบียนที่เขตพักอาศัยของตนเองด้วย จีนโดยเฉพาะเมืองใหญ่จะไม่เห็นหมาแมวจรจัดมากนัก คนที่เลี้ยงก็ต้องเตรียมตัวและเตรียมใจที่จะดูแลสัตว์เลี้ยงของตัวเองไปตลอดอายุขัย และการบริหารจัดการของจีนก็จะเคร่งครัดในด้านของสุนัขจรจัด สุดท้ายแล้วการมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนยามเหงาก็เป็นสิ่งที่ดี และผู้เขียนมองว่าความพร้อมและความรับผิดชอบของเจ้าของก็ต้องมีมากเช่นกัน ครั้นจะมีสัตว์เลี้ยงก็ต้องดูแลกันเหมือนเป็นสมาชิกในบ้านเช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น