กลุ่มสื่อจีนรายงาน (10 ธ.ค.) รัฐบาลนิการากัวประกาศตัดขาดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน และหันไปสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับปักกิ่ง พร้อมประกาศว่า "มีจีนเพียงแห่งเดียวในโลก"
รายงานระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวทำให้ไต้หวันเหลือพันธมิตรทางการทูตเพียง 14 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นประเทศเล็ก ๆ ในแคริบเบียนและแปซิฟิก รวมถึงวาติกัน
“สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงแห่งเดียว เป็นตัวแทนของจีนทั้งหมด และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีนอย่างไม่ต้องสงสัย” นายเดนิส มอนกาดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนิการากัวกล่าวออกโทรทัศน์
“รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐนิการากัวได้ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน ณ วันนี้ และยุติการติดต่อหรือความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการใด ๆ” นายเดนิสฯ กล่าว
นายจาง จุน เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ เขียนข้อความบนทวิตเตอร์เมื่อวันศุกร์ (10 ธ.ค.) ว่า เขาขอชื่นชมอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของนิการากัวในการยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน
“หลักการจีนเดียวคือฉันทามติที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางจากประชาคมระหว่างประเทศ และจีนจะไม่ยอมให้มีการท้าทายใดๆ” เขากล่าว
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันแสดง "ความเจ็บปวดและความเสียใจ" ต่อกรณีดังกล่าว และกล่าวว่า ไทเปจะตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับนิการากัว ยุติความร่วมมือทวิภาคี และอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากประเทศ
“ประธานาธิบดีออร์เตกาไม่แยแสมิตรภาพระยะยาวระหว่างชาวไต้หวันและนิการากัวที่แบ่งปันความสุขและก้าวผ่านความทุกข์ยากมาด้วยกัน” แถลงการณ์ระบุ
ปักกิ่งปฏิเสธความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศใด ๆ ที่ยอมรับไต้หวันเป็นประเทศ ที่ผ่านมา จีนพยายามแย่งพันธมิตรทางการทูตจากไต้หวันด้วยข้อเสนอการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ ทำให้จำนวนประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันลดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อปี 2561 เอลซัลวาดอร์ บูร์กินาฟาโซ และโดมินิกัน ต่างก็ประกาศไม่รับรองไทเปอีกต่อไป ตามมาด้วยหมู่เกาะโซโลมอนและคิริบาสเมื่อปี 2562
ความสัมพันธ์ระหว่างไทเปและปักกิ่งเสื่อมโทรมลงจนถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อเดือน ต.ค. 64 กองทัพจีนส่งเครื่องบินรบวนรอบเกาะไต้หวันมากเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่สหรัฐฯ พยายามหนุนไต้หวันในเวทีโลกด้วยการขายอาวุธจำนวนมาก รวมถึงส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเยือนไต้หวัน