ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ต้องการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยดำเนินนโยบายต่างประเทศว่าด้วย "การรักษาสมดุลของโลก" นิกสันเน้นว่านโยบายของสหรัฐฯ ในเอเชียได้เข้าสู่ทางตันแล้ว และแสดงความปรารถนาหนักแน่นที่จะปรับเปลี่ยนทิศทางของ "การสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ"
นิกสัน ได้ส่งความคิดริเริ่มนี้ผ่านปากีสถานและโรมาเนียเพื่อส่งต่อข้อความไปยังจีน
ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ประธานเหมา เจ๋อตง และนายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล วางข้อกำหนดเชิงกลยุทธ์ในการปรับความสัมพันธ์สามเหลี่ยมขนาดใหญ่ระหว่างจีน สหรัฐฯ และสหภาพโซเวียต ก็ได้ส่งข้อความดังกล่าวโดยขอให้เอ็ดการ์ สโนว์ นักข่าวชาวอเมริกัน ส่งต่อข้อความและเชิญทีมนักกีฬาปิงปองเยือนจีน เพื่อสื่อสารว่าจีนยินดีติดต่อกับฝ่ายอเมริกัน
วันที่ 21 เมษายน 1972 (พ.ศ. 2515) รัฐบาลจีนได้ส่งข้อความถึงรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อเสนอของสหรัฐฯ ในการจัดให้มีการเจรจาระดับสูงระหว่างทั้งสองฝ่าย:
"หากความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา จะได้รับการฟื้นฟู โดยพื้นฐานแล้ว สหรัฐฯ จะต้องถอนกองกำลังติดอาวุธทั้งหมดออกจากไต้หวันของจีน รวมทั้งช่องแคบไต้หวัน"
อย่างไรก็ตาม มีเพียงระหว่างผู้รับผิดชอบระดับสูงของทั้งสองประเทศเท่านั้น ที่จะรู้คำตอบสำหรับคำถามสำคัญนี้ ซึ่งเป็นการสนทนาโดยตรง
คำตอบนั้นคงเป็นที่มาของการที่รัฐบาลจีนตอบรับยืนยันความเต็มใจที่จะรับการเยือนของผู้นำสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในกรุงปักกิ่ง ซึ่งมี ทูตพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ (เช่น เฮนรี่ คิสซิงเกอร์) หรือรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ หรือแม้แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เอง เพื่อร่วมประชุมและหารือโดยตรง
ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ประธานาธิบดี นิกสัน กล่าวว่า "เพื่อแก้ปัญหาความแตกแยกของทั้งสองประเทศ และด้วยเหตุที่เขาให้ความสำคัญในความสัมพันธ์ทวิภาคี เขาจึงเตรียมเยือนปักกิ่งเพื่อสนทนาโดยตรงกับผู้นำของ สาธารณรัฐประชาชนจีนและเสนอให้มีการประชุมลับเบื้องต้นระหว่างคิสซิงเจอร์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนทีประเทศจีน
จีนเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวซึ่งนำไปสู่การเยือนจีนอย่างลับๆ ของคิสซิงเจอร์ในระหว่างวันที่ 9 ถึง 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศและความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และบรรลุข้อตกลงในการเยือนจีนของประธานาธิบดีนิกสัน จึงได้ประกาศเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม
การประกาศดังกล่าวระบุว่า “ประธานาธิบดี นิกสัน แสดงความปรารถนาที่จะเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการนี้ นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหล ในนามของรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ส่งคำเชิญให้ประธานาธิบดี นิกสัน เยือนจีนตามวันเวลาที่เหมาะสมก่อน ประธานาธิบดีนิกสันตอบรับคำเชิญด้วยความยินดี"
การพบกันครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 ประธานาธิบดีนิกสันและคณะสมาชิกพรรคฯ ได้เดินทางมาถึงกรุงปักกิ่งและเยือนประเทศจีนเป็นเวลา 7 วัน ระหว่างการเยือนประธานาธิบดี นิกสัน ได้พบกับประธานเหมา เจ๋อตง และพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี โจวเอินไหล ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่เน้นประเด็นปัญหา "อินโดจีน" และ "ไต้หวัน"
หลังจากการปรึกษาหารือกันหลายรอบ ฝ่ายจีนและสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมในเซี่ยงไฮ้ (หรือที่รู้จักในชื่อ Shanghai Communiqué) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515
หลังจากแสดงมุมมองที่แตกต่างกันของทั้งสองฝ่ายในประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญและตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาในระบบสังคมและนโยบายต่างประเทศ "แถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ" (Shanghai Communiqué, 1972) เน้นว่าทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะดำเนินความสัมพันธ์แบบรัฐต่อรัฐใน หลักห้าประการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
หลักห้าประการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันตินี้ เป็นหลักการซึ่งจีนและอินเดียได้ลงนามยอมรับหลักการข้างต้นนี้มาตั้งแต่ทศวรรษ 1950 ได้แก่ การเคารพอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนซึ่งกันและกัน, ไม่รุกรานซึ่งกันและกัน, ไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศซึ่งกันและกัน, รักษาความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน, อยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ความก้าวหน้าสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา จึงอยู่ในผลประโยชน์ของทุกประเทศ ทั้งสองต้องการลดความขัดแย้งทางทหารระหว่างประเทศ ไม่ควรแสวงหาอำนาจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และแต่ละประเทศไม่เห็นด้วยกับความพยายามของประเทศหรือกลุ่มประเทศอื่นใดในการจัดตั้งอำนาจดังกล่าว
ทั้งสองฝ่าย สหรัฐฯ กับ จีน ต่างเห็นว่าการที่ชาติใดชาติหนึ่งจะสมรู้ร่วมคิดกับอีกประเทศหนึ่งกับประเทศอื่น ๆ หรือสำหรับประเทศใหญ่ ๆ ที่จะแบ่งโลกออกเพื่อผลประโยชน์ คือการกระทำอันเป็นการขัดต่อผลประโยชน์ของประชาคมโลก
สำหรับคำถามของไต้หวัน ใน"แถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ" (Shanghai Communiqué) ที่ริชาร์ด นิกสัน ได้คุยกับโจวเอินไหลนั้น ฝ่ายจีนยืนยันในแถลงการณ์มีจุดยืนว่า "จีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของจีนแต่เพียงผู้เดียว ไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของประเทศจีนซึ่งได้กลับคืนสู่แผ่นดินมาตุภูมิมานานแล้ว การปลดปล่อยไต้หวันเป็นเรื่องภายในของจีน ไม่มีประเทศอื่นใดมีสิทธิที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ และกองกำลังสหรัฐและหน่วยงานทางทหารทั้งหมดจะต้องถอนตัวออกจากไต้หวัน รัฐบาลจีนคัดค้านกิจกรรมใดๆ ที่มุ่งแยก "หนึ่งจีน หนึ่งไต้หวัน" "หนึ่งจีน สองรัฐบาล" "จีนสอง" "ไต้หวันอิสระ" หรือการสนับสนุนให้ "สถานะของไต้หวันยังคงอยู่"
ฝ่ายสหรัฐฯ ระบุว่า: สหรัฐฯ ยอมรับว่าชาวจีนทุกคนที่ช่องแคบไต้หวันทั้งสองฝั่งมีจีนเพียงหนึ่งเดียว และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน รัฐบาลสหรัฐไม่ท้าทายสถานะนั้น และยืนยันว่าปัญหาไต้หวันจะยุติอย่างสันติโดยชาวจีนเอง เมื่อคำนึงถึงความคาดหวังนี้ เป็นการยืนยันวัตถุประสงค์สูงสุดของการถอนกองกำลังสหรัฐฯ และฐานทัพทหารทั้งหมดออกจากไต้หวัน ในระหว่างนี้ จะค่อยๆ ลดกำลังและกำลังทหารในไต้หวันเมื่อความตึงเครียดในพื้นที่ลดลง"
แถลงการณ์ฯ ยังกำหนดว่าทั้งสองฝ่ายจะอำนวยความสะดวกในการพัฒนาการค้าทวิภาคีที่ก้าวหน้าและการพัฒนาต่อไปของการติดต่อและการแลกเปลี่ยนระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วัฒนธรรม กีฬา และสื่อสารมวลชน ติดต่อกันผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงการส่งผู้แทนอาวุโสของสหรัฐฯ ไปยังปักกิ่งเป็นครั้งคราวเพื่อปรึกษาหารือที่เป็นรูปธรรมเพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นปกติยิ่งขึ้น และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
"แถลงการณ์เซี่ยงไฮ้" เมื่อปี 1972 หรือ ผ่านมาเกือบ 50 ปีนี้เอง คือการพูดคุยครั้งประวัติศาสตร์ ที่ส่งสัญญาณการเริ่มต้นกระบวนการปรับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา และวางรากฐานสำหรับการพัฒนาและการเติบโตของความสัมพันธ์เหล่านั้นในปีต่อๆ มา
......................
ข้อมูล / ภาพ -
- https://www.chinadaily.com.cn/business/2016hangzhoug20/2016-09/01/content_26666516.htmhttps://www.fmprc.gov.cn/mfa_eng/ziliao_665539/3602_665543/3604_665547/t18053.shtml
- https://thediplomat.com/2017/02/the-shanghai-communique-an-american-foreign-policy-success-45-years-later/
- https://www.fmprc.gov.cn/mfa_eng/ziliao_665539/3602_665543/3604_665547/t18006.shtml
- https://www.chinadaily.com.cn/world/2017xivisitsfinlandandus/2017-04/08/content_28841388.htm