กลุ่มสื่อต่างชาติรายงาน (15 พ.ย.) โลกออนไลน์จีนแสดงความไม่พอใจต่อกรณีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบุกปลิดชีพสุนัขพันธุ์คอร์กี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
เมื่อไม่นานมานี้ หญิงจีนแซ่ฟู่ในมณฑลเจียงซีถูกจัดอยู่ในข่ายมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 และถูกพาไปกักตัวเพื่อสังเกตอาการที่โรงแรมกักตัว โดยไม่ได้รับอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงตามไปด้วย ทำให้เธอต้องปล่อยให้สุนัขพันธุ์คอร์กี้ของเธอไว้ในห้องพักตามลำพัง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับรองกับเธอหลายครั้งว่า พวกเขาจะไม่ฆ่าสุนัขระหว่างการฆ่าเชื้อในอาคาร
อย่างไรก็ดี หลังจากเธอเดินทางเข้าสู่โรงแรมกักตัวในช่วงเช้า บ่ายวันนั้นเอง เจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าไปในห้องพักของเธอแล้วใช้ชะแลงปลิดชีพสัตว์เลี้ยงของเธอภายในห้องพัก
คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในห้องปรากฏภาพเจ้าหน้าที่ 2 คนสวมชุดพีพีอีเข้าไปในห้องพัก คนหนึ่งถือชะแลง อีกคนถือถุงพลาสติกสีเหลือง
“หัวหน้าบอกว่าเราต้องจัดการตรงนี้เลยเหรอ?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถาม ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกคนตอบว่าใช่ แล้วเดินเอาชะแลงฟาดไปที่สุนัขตัวน้อยที่พยายามซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ ทำให้มันร้องด้วยความเจ็บปวดแล้ววิ่งหนีกล้องไปที่ห้องอื่น
หญิงแซ่ฟู่ระบุว่า สัตว์เลี้ยงของเธอหนีเข้าไปในห้องนอน ทำให้หลุดจากภาพกล้องวงจรปิด แต่ยังได้ยินเสียงคร่ำครวญแผ่วเบา ไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่กล่าวว่าได้จัดการกับมันแล้ว และเดินออกไปโดยถือถุงพลาสติกสีเหลืองอยู่ในมือ
“ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าสุนัขของฉันยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว และมันถูกพาไปที่ไหน” เธอกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า ภายหลังปรากฎว่าเธอมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ
ต่อมา รัฐบาลท้องถิ่นยืนยันว่าสุนัขถูกฆ่าตาย โดยเป็นความจำเป็นในการ "ฆ่าเชื้ออย่างทั่วถึง" ในชุมชน
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สังคมออนไลน์จีนแสดงความไม่พอใจต่อมาตรการสุดโต่งของหน่วยงานท้องถิ่นในจีน เพื่อดำเนินนโยบายปลอดเชื่อโควิด-19 โดยมีการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนเกี่ยวกับสิทธิสัตว์ และยังขาดมาตรการควบคุมอำนาจของรัฐบาลต่อสิทธิส่วนบุคคลในช่วงการแพร่ระบาด
รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียงได้สังหารแมว 3 ตัวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของ ขณะที่เจ้าของถูกกักตัวที่โรงพยาบาลหลังติดเชื้อโควิด-19