xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights : เมื่อไหร่กันที่จีนจะเริ่มเปิดประเทศ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ดร.ร่มฉัตร จันทรานุกูล


สนามบินนานชาติปักกิ่งในส่วนของการบินระหว่างประเทศ (ที่มา Tencent News)
ร่มฉัตร จันทรานุกูล
มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจระหว่างประเทศ(UIBE) วิทยาลัยนานาชาติ(SIE) กรุงปักกิ่ง


บทความเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผู้เขียนเล่าสู่กันฟังและวิเคราะห์คร่าว ๆ ถึงการที่ไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และคาดการณ์นักท่องเที่ยวจากจีนเองจะหลั่งไหลเข้ามาไทยมากน้อยเพียงใด สำหรับในประเด็นเหล่านี้ผู้เขียนขอบอกก่อนว่าเป็นการวิเคราะห์จากข้อมูลเบื้องต้น ที่มีประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนบุคคล ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณาณในการอ่านค่ะ

ในบทความนี้อยากจะมาเล่าเรื่องของเมื่อไหร่กันที่จีนจะเริ่มเปิดประเทศ? จากการที่จีนควบคุมการระบาดได้แทบจะอยู่หมัดฯ ตั้งแต่ปีที่แล้วมาจนวันนี้ก็สองปีกว่า นโยบายการเปิดประเทศและการผ่อนคลายการขอวีซ่าก็ยังไม่มีสัญญาณออกมาเลย ผู้อ่านที่ติดตามข่าวทางจีนอยู่เสมอจะทราบว่าทัศนคติของจีนคือ “การไม่อยู่ร่วมกับโควิด-19” การระบาดทั่วโลกหนักขึ้นเพียงใด มาตรการป้องกันและคุมเข้มกับทั้งคนทั้งของที่เข้ามาจากต่างประเทศ ก็จะยิ่งมากขึ้น ยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น

ระบบติดตามพิกัดที่อยู่ และ รหัสสุขภาพ (Green Code) ส่วนบุคคลภายในประเทศจีนถูกใช้อย่างหลากหลาย มีการแชร์ข้อมูลกันระหว่างมณฑล ทั่วประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และถึงแม้ว่าการระบาดวงกว้างจะสามารถควบคุมได้แล้ว ชีวิตของประชาชนกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่กระนั้นทางการจีนก็ยัง “การ์ดไม่ตก” ทำให้ประชาชนก็ต้อง “การ์ดไม่ตก” ไปด้วย ปฎิบัติตามกฎระเบียบและมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัดเสมอมา ทำให้โรคโควิด-19 จะกลายเป็นโรคต้องห้ามในสังคม

อีกเรื่องหนึ่งคือ การควบคุมที่เข้มงวดทำให้ความกดดันของผู้รับผิดชอบในแต่ละเมือง แต่ละฝ่ายและหน่วยงานควบคุมโรคที่เกี่ยวข้องมีมากขึ้นไปด้วย เพราะหากเกิดการระบาดตรงไหนขึ้นส่วนกลางจะเข้ามาตรวจสอบและหาข้อบกพร่องของการบริหารจัดการในส่วนท้องที่ที่เกิดการระบาด สำหรับผู้รับผิดชอบในพื้นที่ที่ละเลยหรือทำงานผิดพลาดไม่ปฎิบัติตามกฎก็จะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงได้

ดังนั้นจึงเกิดการบริหารงานลักษณะที่เรียกว่า “ขวานผ่าซาก” หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า “一刀切” อ่านว่า อี้เตาเซีย ความหมายตรงตัวหมายถึง "มีดหั่นลงครั้งเดียว" ก็คือการบริหารจัดการแบบขั้นเด็ดขาดไม่มีช่องว่างยืดหยุ่นหรือเจรจาได้ ที่ทำแบบนี้เพราะไม่มีใครอยากรับผิดชอบหากเกิดปัญหาขึ้น เช่น มาตรการเข้มงวดของการเดินทางข้ามมณฑล การเดินทางกลับบ้านของประชาชนจะต้องศึกษาข้อมูลมาตรการขาเข้าของแต่ละที่ให้ดีเสียก่อน เพราะยิ่งการเดินทางออกจากพื้นที่เสี่ยงกลาง-สูงไปพื้นที่เสี่ยงต่ำอื่นๆ อาจจะต้องถูกกักตัวถึงแม้ว่าจะมีผลตรวจ PCR ก็ตาม ยิ่งตามหมู่บ้านต่างมณฑลด้วยแล้ว บางทีไม่ค่อยจะต้อนรับคนที่กลับมาจากเมืองใหญ่(พื้นที่ที่ยังมีการระบาดเล็กน้อยอยู่ก็ไม่ได้) หมู่บ้านอาจจะปิดห้ามผู้เดินทางเข้าหรือถูกไล่กลับกันเลยทีเดียว
การใช้ชีวิตของประชาชนจีนแบบนิวนอร์มัล “New Normal” เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ทุกคนจำเป็นที่จะต้องร่วมมือและปฎิบัติตนอย่างเคร่งครัด

ในปัจจุบันยาสามัญประจำบ้านจีนประเภทยาลดไข้ ยาแก้หวัด จะเดินไปซื้อเองสบาย ๆ ที่ร้านขายยาแบบแต่ก่อนไม่ได้แล้ว เพราะต้องมีการลงทะเบียนผู้ซื้ออย่างละเอียด และร้านขายยาจะขายยาได้แค่บางตัวเท่านั้น และยาที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เช่นพวก เหลียนฮวาชิงเวิน ฉวงหวงเหลียน จะต้องมีใบสั่งแพทย์ถึงจะซื้อที่ร้านขายยาได้ ที่ทำแบบนี้เพราะต้องการลดความเสี่ยงการระบาดและให้ผู้ป่วยเข้าข่ายอาการโควิด-19 ต้องไปโรงพยาบาลตรวจคัดกรอง หากพบว่าเป็นผู้ป่วยโควิด-19จะต้องเข้าระบบรักษาแบบปิดเท่านั้น

จากการที่ผู้เขียนได้ถามคนรอบข้างเกี่ยวกับทัศนคติต่อผู้ป่วยโควิด-19 หรือผู้ที่เคยป่วยและหายแล้ว หลายคนรังเกียจโรคนี้อยู่มากและมองว่าหากใครเคยเป็นโรคนี้ถึงแม้ว่าจะหายแล้วก็จะยังน่ากลัวอยู่ดี เพราะมีหลายเคสที่ป่วยหายแล้วผลตรวจ PCR กลับมาเป็นบวกได้ใหม่และอาจจะเป็นผู้แพร่เชื้อได้ใหม่

จากประเด็นตรงนี้จะเห็นว่าจีนยังไม่ได้รู้สึกและไม่ได้เห็นโควิด-19 เป็นโรคระบาดแบบทั่วไป และในขณะนี้จีนก็ได้เกิดการระบาดเป็นกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่อีกหลังวันชาติหยุดยาว ผู้ป่วยเพิ่มใหม่รวม 100 กว่าคนกระจายไปในหลายมณฑล โดยเริ่มระบาดจากกรุ๊ปทัวร์ที่ไปท่องเที่ยวในพื้นที่มองโกเลียใน

เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนทั้งประเทศและแต่ละพื้นที่ก็เพิ่มมาตรการป้องกันที่เข้มงวดมากขึ้นอีก การตัดการคมนาคมเดินทางในพื้นที่ระบาดหนักก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง

ที่ผู้เขียนเกริ่นไปข้างต้นนานเพราะต้องการที่จะให้ผู้อ่านเห็นภาพโดยรวมว่าจีนยังเคร่งเครียดกับการระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศเป็นอย่างมาก ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มใหม่รายวันของจีนจะมีแยกเป็นผู้ป่วยภายในประเทศและผู้ป่วยขาเข้า

สำหรับตัวเลขผู้ป่วยขาเข้านั้นมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ในขณะที่ภายในประเทศส่วนใหญ่จะเป็นศูนย์ติดต่อกันมาตลอด ถึงแม้มีระบาดเป็นกลุ่มก้อนบ้างเล็กน้อยแต่ก็ระงับได้เร็ว ทำให้คนจีนมองว่านอกประเทศไม่ปลอดภัย หากถามคนจีน 10 คน 9 คนจะมองว่าสถานการณ์โควิด-19 ต่างประเทศเลวร้ายมาก ไม่สามารถจะไปใช้ชีวิตอย่างปกติได้ และในประเทศนั้นปลอดภัยที่สุด

ในไตรมาสแรกของปี 2022 จีนจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว ทำให้หลายคนจับตาการบริหารจัดการต้อนรับนักกีฬาที่มาจากต่างประเทศ โดยก็ได้มีข่าวแล้วว่าจะเป็นลักษณะแบบ “闭环管理” อ่านว่าปี้หวนก๊วนหลี่ หมายถึงห่วงโซ่การบริหารแบบปิดทั้งหมด ไม่ให้นักกีฬาที่มาจากต่างประเทศออกไปสัมผัสกับประชาชนภายในประเทศคือแยกส่วนออกจากกันไปเลย

เพื่อนผู้เขียนฯ มีบ้านใกล้กับหมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ได้เคยบอกผู้เขียนว่าในช่วงนั้นเขาจะย้ายบ้านไม่ไปอยู่ตรงนั้นจนกว่างานโอลิมปิกจะจบ ตรงนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวเชื้อไวรัสโควิด-19 ของคนจีนได้อย่างหนึ่งเช่นกัน

อีกประเด็นในช่วงปลายปีนี้จีนกำลังจะเร่งฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นให้แก่ประชาชนที่ฉีดโดสที่สองครบแล้ว 6 เดือน เพื่อกระตุ้นภูมิแก่ประชาชน


จึงมีคำถามต่อมาเช่นกันว่า "เมื่อไหร่ที่จีนจะเปิดประเทศ?"

เจ้าหน้าจีนตรวจอุณหภูมิผู้โดยสารขาเข้าประเทศก่อนให้ลงจากเครื่อง (ที่มา Toutiao)
ณ ปัจจุบันไม่มีใครตอบได้แน่ชัด และนักวิชาการด้านระบาดวิทยา หมอ ผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ บางครั้งก็ยังมีความเห็นที่ไม่ตรงกันอยู่บ้าง อย่างเช่น นายแพทย์จงหนานซานกล่าวว่า ประชาชนจีนต้องได้รับวัคซีนครบโดสครอบคลุม 80% ขึ้นไปก่อนซึ่งจะประมาณปลายปีนี้จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่และอาจจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายเปิดประเทศ และก็จะมีผู้เชี่ยวชาญอีกกลุ่มหนึ่งเช่นกันที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดประเทศในช่วงสถานการณ์โลกยังระบาดหนักแบบนี้

ส่วนนายแพทย์ดังด้านระบาดวิทยาอีกท่านนายแพทย์จางเหวินหง เคยออกมาบอกว่าการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากที่สุดจะช่วยให้ประชากรมีภูมิคุ้มกันในระดับหนึ่ง หากไปติดมาก็ลดเสี่ยงในการเสียชีวิต ในอนาคตไวรัสตัวนี้มีแนวโน้มจะอยู่กับเราไปตลอด ก็ต้องป้องกันเป็นปกติ แล้วหลายประเทศก็เริ่มมีการเปิดประเทศและเริ่มค่อยๆกลับมาภาวะปกติ วิวัฒนาการของยากับวัคซีนก็กำลังดำเนินอยู่ตลอด ในอนาคตโรคโควิด-19 ก็อาจจะกลายเป็นโรคระบาดท้องถิ่นก็เป็นได้

ผู้เขียนมองว่าจีนถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศเศรษฐกิจที่มีขนาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ รัฐบาลกำลังสนับสนุนให้ประชาชนใช้จ่ายเงินและบริโภคภายในประเทศ แต่อย่าลืมว่าภาคการผลิตของจีนมีประสิทธิภาพสูงและขนาดตลาดที่ใหญ่ การผลิตที่ล้นเกินการบริโภคภายในประเทศก็ต้องส่งออก ความต้องการในสิ่งที่ภายในประเทศไม่มีก็ต้องนำเข้ามา ดังนั้นนอกจากเรื่องของระบบการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายใน จีนก็ยังคงต้องพึ่งพาการส่งออกและนำเข้าอยู่

ถึงแม้ว่างานนิทรรศการสินค้านำเข้าส่งออกของจีนในหลายที่พยายามที่จะใช้ระบบการสื่อสารออนไลน์เข้ามาเพื่อเจรจาธุรกิจกับต่างประเทศแทนการเดินทาง แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าการเจรจาธุรกิจและการตัดสินใจลงทุนของต่างชาติในจีน กิจกรรมทางธุรกิจอื่นๆ การเดินทางมาเจอกัน เห็นสินค้าและสถานที่จริงจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการเจอกันแค่ในออนไลน์

สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงลดความร้อนแรงลง ประชาชนทั่วโลกได้รับวัคซีนกันมากขึ้นเรื่อยๆ การมียารักษาเฉพาะที่กำลังจะออกมา อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีของสถานการณ์โควิดทั่วโลก และอาจจะทำให้จีนตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศและเปิดประเทศมากขึ้น

ความเห็นของผู้เขียนเองคิดว่าซึ่งหากสถานการณ์โควิดโลกดีขึ้นเรื่อยๆ จีนอาจจะเริ่มผ่อนคลายเปิดประเทศปลายปี 2022 หรือหากว่าสถานการณ์โควิดโลกแย่ลงอีก มีสายพันธุ์ใหม่ออกมาอีกก็อาจจะปิดยาวไปอีกนานก็เป็นไปได้ค่ะ  


กำลังโหลดความคิดเห็น