MGR ONLINE/รอยเตอร์ส--ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงลั่นสัญญาในวันนี้(25 ต.ค.) ว่าจีนจะธำรงสันติภาพโลกและกฎกติการะหว่างประเทศ ในขณะที่เกิดกระแสที่สหรัฐฯและประเทศอื่นๆกำลังวิตกเกี่ยวกับการขยายบทบาทจีนไปทั่วโลก
ผู้กุมอำนาจสูงสุดแดนมังกร สีจิ้นผิง กล่าวคำมั่นสัญญารักษาสันติภาพโลกท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดหลังจากที่ผู้นำไต้หวันออกมาชี้ในเดือนนี้ว่าการเผชิญหน้าทางการทหารระหว่างจีนและไต้หวันถึงจุดที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 40 ปี ขณะที่หลายชาติวิตกกันว่าจีนใหญ่อาจจะใช้กำลังทหารเข้ายึดครองไต้หวันซึ่งจีนยึดถือมาตลอดว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของจีน
สีจิ้นผิงกล่าวคำสัญญารักษาสันติภาพและปกป้องระเบียบโลกนี้ในโอกาสขึ้นกล่าวคำปราศรัยเนื่องในวาระครบรอบ 50 ปี ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนได้กลับมาเป็นสมาชิกประเทศของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แทนที่ไต้หวันซึ่งมีชื่อทางการคือสาธารณรัฐจีน
ทั้งนี้เมื่อผู้นำเจียงไคเช็คแห่งก๊กมินตั๋งแพ้สงครามกลางเมืองในจีนเมื่อปี 1949 ก็ได้นำกำลังถอยร่นไปตั้งหลักที่เกาะไต้หวันโดยตอนแรกก็หวังกลับมายึดอำนาปกครองจีนคืนจากพรรคคอมมิวนิสต์ ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนผู้ชนะประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนที่กรุงปักกิ่ง ในตอนนั้นยูเอ็นยังรับรองสาธารณรัฐจีนที่ถอยไปตั้งหลักที่เกาะไต้หวันและตั้งรัฐบาลปกครองที่นั่น จนกระทั่งในปี 1971 สหประชาชาติโหวตรับรองสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้แทนรายเดียวของประเทศจีน และขับไต้หวัน (สาธารณรัฐจีน)ออกจากองค์กร
ปัจจุบันจีนนอกจากกลายเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกา ยังขยายบทบาทไปทั่วโลก โดยมีข้อพิพาทกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนกับอินเดียตรงพรมแดนหิมาลัย และข้อพิพาทกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนหมู่เกาะในทะเลจีนใต้กับบางประเทศเพื่อนบ้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และข้อพิพาทดินแดนในทะเลจีนตะวันออกกับญี่ปุ่น
“จีนต่อต้านทุกรูปแบบในการกุมอำนาจจ้าวโลก ลัทธิกระทำหรือตัดสินใจฝ่ายเดียว และลัทธิปกป้องทางการค้า” สี กล่าว พร้อมกับเรียกร้องความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆมากขึ้นในการจัดการประเด็นต่างๆ เช่น ความขัดแย้งในภูมิภาค ลัทธิก่อการร้าย สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ และความปลอดภัยทางชีวภาพ
สี กล่าวว่าโลกต้องปฏิรูปธรรมาภิบาล และประเทศสมาชิกในยูเอ็นทั้งหมด 193 ประเทศ ควรมีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมกันในการตัดสินสร้างกฎกติกาสากลต่างๆ มิใช่กลุ่มประเทศใดหรือกลุ่มประเทศพันธมิตรใดเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งมีนัยยะวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯเรื่องขยายอิทธิพลครอบงำเหนือสถาบันระหว่างประเทศต่างๆ