กลุ่มสื่อต่างชาติ รายงาน (14 ต.ค.) “แจ็ค หม่า” ผู้ก่อตั้งอาลีบาบากรุ๊ปปรากฏกายอีกครั้งในการพบปะกับเพื่อนนักธุรกิจที่ฮ่องกง หลังจากหายตัวไปจากสาธารณชนตั้งแต่อาลีบาบาถูกกดดันอย่างหนักเมื่อปี 63
รายงานระบุว่า เมื่อเดือน ม.ค. 64 นายหม่าฯ ปรากฏตัวต่อสาธารณชนทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในงานพบปะครูชนบท 100 คน จากเขตต่างๆ ทั่วประเทศ โดยระบุว่า “รอให้โรคระบาดใหญ่ผ่านพ้นไปก่อน พวกเราจะมาพบกัน!”
เมื่อปีที่แล้ว หม่าฯ ตัวต่อสาธารณะครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 63 ในการประชุมสุดยอด ‘บันด์ ซัมมิต’ (Bund Summit) ว่าด้วยเรื่องการเงิน ในนครเซี่ยงไฮ้ บนเวทีซัมมิต หม่าได้วิจารณ์นโยบายรัฐบาลจีนในด้านกำกับดูแลธุรกิจการเงินอย่างรุนแรง ว่า “เป็นอุปสรรคยับยั้ง นวัตกรรมในอุตสาหกรรมการเงิน และยังได้เปรียบโมเดลธุรกิจของธนาคารจีนว่าทำตัวเป็นโรงรับจำนำที่ลูกหนี้ต้องเอาทรัพย์สินมาวางค้ำประกันก่อนจึงจะได้เงินกู้”
ปกติ หม่าฯ มักใช้ชีวิตในนครหังโจว มณฑลเจ้อเจียง บ้านเกิดของเขาและเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่อาลีบาบา อย่างไรก็ดี นายหม่าฯ ยังคงมีบ้านหรูในฮ่องกงอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ ภาพถ่ายของหม่าฯ ที่ไปเยือนโรงเรือนเกษตรกรรมหลายแห่งในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 64 กลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดียของจีน ก่อนที่วันรุ่งขึ้น อาลีบาบาจะประกาศจะลงทุน 1 แสนล้านหยวน (5 แสนล้านบาท) ภายในปี 2568 เพื่อสนับสนุน "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" เพื่อสนับสนุนโครงการแบ่งปันความมั่งคั่งซึ่งขับเคลื่อนโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา อาลีบาบาและคู่แข่งทางเทคโนโลยีกลายเป็นเป้าหมายของรัฐบาลในการปราบปรามในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่พฤติกรรมผูกขาดตลาดไปจนถึงสิทธิผู้บริโภค โดยอาลีบาบาถูกปรับเงิน 2.75 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 9 หมื่นล้านบาทฐานผูกขาดตลาด