จีนสอบสวนอดีตรัฐมนตรียุติธรรม ละเมิดวินัยฯ ทุจริตในระบบฯ

กลุ่มสื่อจีนและต่างประเทศรายงาน (4 ต.ค.) ว่า อดีตรัฐมนตรียุติธรรมของจีน ถูกสอบสวนกรณีละเมิดวินัยอย่างร้ายแรง ท่ามกลางการปราบปรามการทุจริตอย่างเข้มงวดในระบบการเมืองและกฎหมาย

หน่วยงานต่อต้านการรับสินบนชั้นนำของประเทศ ซึ่งเป็นกำปั้นเหล็กของจีนต่อต้านการทุจริตในระบบการเมืองและกฎหมายประกาศเมื่อวันเสาร์ ว่า ฟู่ เจิ้งฮว๋า รองผู้อำนวยการคณะกรรมการกิจการสังคมและกฎหมายของหน่วยงานที่ปรึกษาทางการเมืองชั้นนำของจีน อยู่ภายใต้การสอบสวนทางวินัยและการกำกับดูแล ฐานต้องสงสัยว่าละเมิดวินัยและกฎหมายของพรรคอย่างร้ายแรง

ฟู่ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมระหว่างเดือนมีนาคม 2018 ถึงเมษายน 2020 ก่อนเข้ารับตำแหน่งที่คณะกรรมการแห่งชาติของสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน (CPPCC)

การปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนครั้งสุดท้ายของเขา คือการเข้าร่วมตรวจสอบที่เทศบาลนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเมื่อกลางเดือนกันยายนที่คณะกรรมการกิจการสังคมและกฎหมายของคณะกรรมการ CPPCC แห่งชาติดำเนินการสอบสวนพิเศษเกี่ยวกับการส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของผู้เยาว์

เจ้าหน้าที่อาวุโสวัย 66 ปีรายนี้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับนำซึ่งเคยมีส่วนร่วมในการสืบสวนคดีสำคัญหลายคดีระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งที่สำนักงานความมั่นคงสาธารณะเทศบาลกรุงปักกิ่ง อดีตครั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจปักกิ่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 ทำคดีปราบปรามการค้าประเวณี ปิด Passion Club หนึ่งในไนท์คลับชั้นนำของปักกิ่ง

ต่อมา เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในเดือนมีนาคม 2018

จวง เต๋อสุ่ย รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อการสร้างคุณธรรมของรัฐบาลที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งกล่าวกับโกลบอลไทม์ ว่า ฟู่ เจิ้งฮว๋า คงไม่ใช่คนสุดท้ายของผู้เปื้อนมลทินทุจริตเสียเอง นี่แสดงให้เห็นว่าปัญหาคอร์รัปชั่นหยั่งรากลึกในระบบการเมืองและกฎหมาย

การสอบสวนคดีฟู่เกิดขึ้นภายหลังการประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ซุน ลี่จุน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ถูกไล่ออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และถูกไล่ออกจากตำแหน่งเนื่องจากทำผิดวินัยร้ายแรงและละเมิดกฎหมาย

ซินหัวรายงาน ตามประกาศ หลังจากการสอบสวนคดีของซุน อดีตสมาชิกคณะกรรมการพรรคกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ระบุว่า เขาไม่เคยยึดมั่นในอุดมคติและความศรัทธาของพรรค ได้แสดง "ความทะเยอทะยานทางการเมืองที่สูงเกินจริง"

จาง ซือเสวียน ศาสตราจารย์ประจำโรงเรียนพรรคแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในกรุงปักกิ่ง กล่าวกับโกลบอลไทมส์เมื่อวันเสาร์ ว่า ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ปัญหาในระบบการเมืองและกฎหมายถูกเปิดเผย การปราบปรามกลุ่มอาชญากรระดับชาติของประเทศ หากร่มเงาคุ้มหัวของพวกอันธพาลหรือเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตในท้องที่ไม่ถูกกำจัด ปัญหาภายในระบบนี้จะไม่ถูกแก้ไขได้เลย

จางให้ความเห็นว่าภาษาที่สื่อทางการใช้เพื่ออธิบายการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นเข้มงวด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการละเมิดของพวกเขานั้นร้ายแรงเพียงใด

ซุนเป็นหนึ่งในห้าอดีตเจ้าหน้าที่การเมืองและกฎหมายอาวุโสที่ เฉิน อี้ซิน เลขาธิการ และคณะกรรมาธิการกิจการการเมืองและกฎหมายของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุในบทความโดยย่อในเดือนพฤษภาคมว่าเป็น "บุคคลสองหน้า" ผู้ละเมิดระเบียบวินัยทางการเมือง

ก่อนหน้านี้ เมิ่ง หงเว่ย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ถูกตัดสินจำคุก 13 ปีครึ่งในข้อหาติดสินบนในเดือนมกราคม 2020 อีกสามคนที่ฝ่าฝืนแบบสองหน้าคือ หวัง ลี่เค่อ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการเมืองและกฎหมายของคณะกรรมการประจำมณฑลเจียงซู, กง ต้าวอัน อดีตผู้บัญชาการตำรวจเซี่ยงไฮ้ และ เติ้ง ฮุยหลิน อดีตรองนายกเทศมนตรี และอดีตผู้บัญชาการตำรวจฉงชิง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

คดีดังอีกคดีหนึ่ง คือ เผิงปั่ว อดีตรองหัวหน้าสำนักงานกลุ่มแกนนำกลางด้านการป้องกันและจัดการกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการตั้งลัทธิ ได้รับการประกาศเมื่อเดือนสิงหาคม ให้ถูกไล่ออกจากพรรคเนื่องจากละเมิดวินัยและดำเนินคดีกับความผิดร้ายแรง
เผิง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักงานไซเบอร์สเปซแห่งประเทศจีน ถูกกล่าวหาว่าได้ละทิ้งหลักการและความเชื่อของเขา และไม่จงรักภักดีต่อพรรคฯ

จางกล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ตกตะลึงก็คือ เจ้าหน้าที่เหล่านั้นยังคงกระทำการละเมิดฯ แม้หลังจากการประชุมใหญ่แห่งชาติครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้นำได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแข็งขันของพรรคในการกำจัดการทุจริต และเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนถูกจับในข้อหาทุจริต

“ตอนนี้เราอยู่ในการเริ่มต้นใหม่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในอีกร้อยปีข้างหน้า เราต้องประกันความสมบูรณ์ของระบบการเมืองและกฎหมายของเรา เพื่อเป็นหลักประกันหลักการปกครองโดยกฎหมาย” เขากล่าวต่อ โดยสังเกตว่ากลุ่มต่อต้าน - และประพฤติทุจริตมิชอบยังมีไม่หวั่นเกรง

ตามคำพูดของจ้วง ระบบการเมืองและกฎหมายที่ทำงานได้ดีคือหลักรับประกันความยุติธรรมของประเทศ ดังนั้นรัฐบาลกลางจึงจริงจังมากกับการปราบปรามการทุจริตและปัญหาในระบบฯ

ก่อนหน้านี้ การต่อต้านการรับสินบนที่มุ่งเป้าไปที่ระบบการเมืองและกฎหมายระดับรากหญ้าได้บรรลุผลอย่างเป็นระบบไปแล้ว ตอนนี้ไม่ช้าก็เร็ว ถึงคราวเจ้าหน้าที่ระดับกลางและระดับสูงที่ทุจริตเหล่านั้น จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 3 ปีของการปราบปรามกลุ่มอาชญากรที่ก่ออาชญากรรม หน่วยงานตรวจสอบวินัยและกำกับดูแลของประเทศได้จัดการปัญหาการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับแก๊งอิทธิพล 89,700 เรื่องและประเด็น "การคุ้มครอง" และยื่นฟ้องต่อประชาชน 115,900 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตุลาการและความมั่นคงสาธารณะ 46,500 คน ข้อมูลทางการเผยว่า ทั้งหมดนี้คิดเป็นสัดส่วน 40% ของจำนวนผู้ถูกสอบสวนและลงโทษในระบบยุติธรรมทั้งหมดของประเทศ