ร่มฉัตร จันทรานุกูล
มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจระหว่างประเทศ(UIBE) วิทยาลัยนานาชาติ(SIE) กรุงปักกิ่ง
ชีวิตในยุคดิจิทัล คนจำนวนมากที่สุขสบายขึ้น ไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไป หลายคนติดกับการซื้อของออนไลน์ไปแล้ว เพราะสะดวกสบาย หาเลือกซื้อได้ทุกอย่าง ซื้อของได้จากทุกมุมโลก อีกทั้งระบบการซื้อขายของออนไลน์ก็เป็นมิตรกับทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมากขึ้น คือมีแพลตฟอร์มจ่ายเงินกลางเพื่อลดปัญหาการการซื้อขาย ป้องกันการโกง
การซื้อขายสินค้าออนไลน์จะต้องตามมาด้วยการบริการด้านโลจิสติกส์ที่ต้องพัฒนาให้ทันและเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมาก กลับมาที่จีนประเทศที่การพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นประเทศที่มีระบบการซื้อขายออนไลน์ที่แทบจะสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก ร้านค้าในจีนจะเปิดแต่ร้านออฟไลน์ไม่ได้อีกต่อไป
ระบบขนส่งโลจิสติกส์ผู้ให้บริการมีหลายราย ต่อเนื่องจากการพัฒนาของการซื้อขายสินค้าออนไลน์จีน ระบบการจัดการด้านการจัดส่งสินค้าก็พัฒนาตามความต้องการของตลาดมากขึ้น ที่ผ่านมาเมื่อซื้อของออนไลน์เสร็จแล้วก็ต้องรอพนักงานมาส่งสินค้าถึงที่บ้าน
สำหรับจีนพนักงานส่งสินค้าส่วนใหญ่จะโทรมาหาผู้รับเมื่อสินค้าถึงแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นคือในระยะเวลาที่สินค้าถึงแล้ว ผู้รับอาจจะไม่ได้อยู่ที่นั่นในขณะนั้น เช่น ถ้าสั่งสินค้าส่งไปที่บ้าน แต่เมื่อสินค้ามาถึงแล้วไม่มีคนรับที่บ้าน ก็ต้องนัดแนะเวลาส่งกันใหม่ ตรงนี้เสียเวลาและพลังงานของทั้งผู้รับและผู้ส่ง ครั้นจะวางของเอาไว้หน้าบ้านหรือเอาไปวางเอาไว้ที่นิติส่วนกลางก็อาจจะมีปัญหาสินค้าสูญหายได้ ดังนั้นตู้ฝากพัสดุอัจฉริยะตอบโจทย์ของความต้องการตรงนี้ได้
ผู้เขียนขอกล่าวถึงหลักการการทำงานของตู้ฝากพัสดุอัจริยะโดยเบื้องต้นก่อน โดยปกติโลจิสติกส์และคนส่งพัสดุจะจัดส่งของตามระบบอยู่แล้ว เขาก็จะเอาเครื่องไปสแกนที่ตู้ฝากพัสดุแล้วช่องที่ว่างอยู่ก็จะเปิดออกอัตโนมัติ คนส่งก็จะสแกนโค้ดพัสดุแล้วใส่เข้าไปในช่องที่ว่างพร้อมทำการลงทะเบียน ทีนี้ผู้รับจะได้รับการแจ้งเตือนจาก SMS หรือ Mini program ในวีแชทว่ามีพัสดุถึงแล้วพร้อมทั้งรหัสเปิดตู้ฝากพัสดุ เมื่อผู้รับเลิกงานกลับบ้านก็ไปสแกนหรือกดรหัสเปิดตู้รับฝากของได้ทันที ของก็จะได้รับถึงมืออย่างปลอดภัย
ผู้เขียนสังเกตว่าหลังช่วงโรคโควิด-19 เป็นต้นมา ตู้ฝากพัสดุในพื้นที่หมู่บ้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เป็นเพราะคนอยู่บ้านและหันมาซื้อของออนไลน์กันมหาศาล อีกทั้งทุกหมู่บ้านปิดการเข้าออกจากคนนอกทำให้คนส่งพัสดุไม่สามารถเข้าไปส่งของให้ผู้รับถึงหน้าบ้านได้เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป นิติบุคคลเองก็ไม่มีความสามารถในการเซ็นรับพัสดุแต่ละวันมหาศาลขนาดนั้น ทำให้ตู้รับฝากแบบนี้เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นและเร่งการเติบโตของธุรกิจตู้ฝากพัสดุอัจฉริยะเป็นอย่างมาก
จากประสบการณ์ของผู้เขียนเองก็มองว่าตั้งแต่มีตู้ฝากของอัจฉริยะนี้สะดวกขึ้น ถึงแม้เราจะไม่อยู่บ้านก็ให้คนส่งเอาใส่ตู้ไปได้แล้วส่งรหัสมา ไม่ต้องกลัวของหายและถ้าเราไม่ค้างของในตู้นานข้ามวันก็ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ในด้านดีอีกด้านคือลดการสัมผัสกันทางตรงระหว่างผู้รับและคนส่งในช่วงที่มีโรคระบาดนี้อยู่
หากมาดูตัวเลขของการส่งพัสดุในประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสิ้นปี 2019 พัสดุที่จัดส่งทั่วประเทศมากถึง 6 หมื่นล้านชิ้นและในปี 2020 มากกว่า 7 หมื่นล้านชิ้นไปแล้ว ในช่วงที่จีนเกิดการระบาดโควิด-19 หนัก การคมนาคมถูกจำกัดทำให้การส่งพัสดุกระทบไปบ้างแต่ก็ดีดตัวกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วภายใต้การนโยบายการปลดล็อกระหว่างเมือง
ที่น่าสนใจคือ ตู้ฝากพัสดุอัจฉริยะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประชาชนเพราะช่วยยกระดับการดำรงชีวิตให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการวางตู้พัสดุนี้ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ชุมชน มหาวิทยาลัยและแหล่งการค้า
ผู้ที่ลงเข้ามาเล่นในธุรกิจนี้มีสามประเภทคือแพลตฟอร์มอีคอมเมริซอย่าง จิงตง ซูหนิงและไช่เหนี่ยว (เถาเป่า) สองคือบริษัทโลจิสติกส์อย่างเฟิงเฉาและจงโหยว สุดท้ายคือบริษัทผู้ให้บริการจัดการระบบของตู้พัสดุอัจฉริยะอย่าง เจียงซูหยุนกุ้ยและเซี่ยงไฮ้ฟู่โหย่ว เป็นต้น
สำหรับบริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจนี้มากที่สุดคือ เฟิงเฉาบริษัทโลจิสติกส์จากเซินเจิ้น ส่วนจิงตง และไช่เหนี่ยว (เถาเป่า) กลับมีส่วนแบ่งตลาดไม่มากนัก จริงๆแล้วในธุรกิจตู้ฝากพัสดุอัจฉริยะนี้ไม่ได้มีกำไรมากนัก เน้นที่ปริมาณและจำนวนครั้งของการฝากพัสดุ ยิ่งหมุนเวียนได้เร็วเท่าไหร่ ยิ่งจะได้เงินมากเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ตู้ฝากพัสดุอัจฉริยะของเฟิงเฉาตั้งแต่ทำธุรกิจนี้มาขาดทุนไปแล้วกว่า 1 พันล้านหยวน ตัวเลขในปี 2018 เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงในเรื่องของการเช่าที่เพื่อขอตั้งตู้ฝากพัสดุอัจฉริยะ ค่าไฟ ค่าดูแลระบบและบำรุงรักษา
แล้วการทำกำไรจากตู้ฝากพัสดุนี้เป็นอย่างไรกัน?
- รายได้จากคนส่งพัสดุที่หักรายได้ของตัวเองส่วนหนึ่งให้กับตู้รับฝาก โดยรายได้ของคนส่งพัสดุจะแบ่งเป็นสองส่วนคือฐานเงินเดือนและเงินจากปริมาณการส่งคือยิ่งส่งมากรายได้ยิ่งเยอะ ก่อนหน้าที่จะมีตู้ฝากพัสดุนั้นคนส่งต้องเดินไปตามบ้านต่างๆ ส่งซึ่งจะใช้เวลานานและส่วนมากจะเจอปัญหาไม่เจอคนรับต้องนัดกันใหม่อีก
จากมุมนี้ทำให้คนส่งพัสดุเสียเวลาและลดประสิทธิภาพของการทำงาน ดังนั้นอย่างที่ว่าตู้ฝากพัสดุอัจฉริยะนี้ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ คนส่งพัสดุก็ยอมที่จะใช้ตู้ฝากเพื่อให้ตัวเองส่งของได้เยอะมากยิ่งขึ้น โดยตู้ฝากของอัจฉริยะนี้จะเก็บเงินจากคนส่งพัสดุต่อชิ้นไม่ถึง 1 หยวนหรือ 5 บาท
- การเก็บเงินต่อที่สองจากคนรับพัสดุ คือหากเกินเวลาไป 12 ชั่วโมงยังไม่ไปรับออกมาจะเก็บค่าธรรมเนียมในการฝาก 0.5 หยวนต่อ 12 ชั่วโมงเก็บที่อัตรามากสุด 3 หยวน ที่มีค่าธรรมเนียมกับผู้รับอีก เพราะว่าหากพัสดุอยู่ในตู้ฝากนานเกินไปจะทำให้อัตราการใช้ตู้ลดลง รายได้ของบริษัทก็จะลดลงตามไปด้วย เป็นการกระตุ้นให้ผู้รับรีบไปเอาของออกจากตู้ภายใน 12 ชั่วโมง
- รายได้จากสปอนเซอร์โฆษณาเพราะตามตู้ทุกตู้จะมีหน้าจออยู่เพื่อแสดงข้อความต่าง ๆ บริษัทจะมีรายได้จากตรงนี้เพิ่มขึ้นด้วย
- การขายสมาชิกสำหรับผู้รับพัสดุที่อาจจะไม่ค่อยเวลารอรับหรือเกินเวลาเอาของออกจากตู้อยู่บ่อยๆ ถือว่าให้ความสะดวกสบายแก่ผู้รับที่ยินยอมจ่ายเงินตรงนี้ ค่าสมาชิกตู้ฝากจะเป็นแบบเหมาจ่ายเช่น 5 หยวนหรือ 25 บาทต่อเดือน ค่าสมาชิก 3 เดือน 12 หยวนหรือ 60 บาทเป็นต้น
ในเรื่องของตู้ฝากพัสดุเฟิงเฉานี้ก็มีมหากาพย์ดราม่าอยู่เหมือนกัน เช่นผู้รับพัสดุไม่พอใจที่ทางบริษัทเก็บเงินค่าฝากจากผู้รับอีกหากเกินเวลา 12 ชั่วโมง ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งมองว่าไม่เหมาะสมเพราะตัวเองซื้อของออนไลน์ก็จ่ายค่าไปรษณีย์ไปแล้ว ทำไมต้องมาจ่ายซ้ำอีก แต่ก็มีคนอีกกลุ่มมองว่าฟรี 12 ชั่วโมงก็พอรับได้ หากเกินเวลาตู้ฝากจะเก็บเงินนิดหน่อยก็ยอมจ่ายเพื่อซื้อความสะดวกสบายให้ชีวิต
ทั้งนี้ก็มีการร้องเรียนว่าตั้งแต่มีตู้ฝากพัสดุ คนส่งพัสดุก็มีมัดมือชกคือไม่แจ้งคนรับก่อนว่ายินยอมไหม เอาของยัดตู้ไปเลย ซึ่งทุกวันนี้คนส่งพัสดุบางค่ายจะมีนโยบายโทรหาคนรับก่อนว่าของถึงแล้วอยู่บ้านไหม ถ้าไม่อยู่จะให้เอาของไปไว้ที่ไหน ยินยอมที่จะให้เอาพัสดุเข้าตู้ฝากไหมเป็นต้น
สำหรับตัวผู้เขียนเองก็ให้เอาพัสดุฝากเข้าตู้อยู่บ่อยๆ เพราะความสะดวกและปลอดภัยของสินค้าที่เราซื้อ ในอีกผู้แข่งหนึ่งอย่างตู้ฝากพัสดุจากค่ายเถาเป่าไช่เหนี่ยว ก็ไม่มีนโยบายเก็บเงินเพิ่มจากผู้รับเป็นการบริการฟรีให้ประชาชน แต่ผู้เขียนก็สังเกตว่าตู้ฝากพัสดุของไช่เหนี่ยวก็ไม่ได้มีมากนักเหมือนกับของเฟิงเฉา
สุดท้ายแล้วผู้เขียนมองว่าตู้ฝากพัสดุนี้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งคนส่งและผู้รับ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้มันหรือไม่ก็เท่านั้น