สื่อต่างประเทศรายงาน (26 ส.ค.) อ้างคำกล่าวของจอห์น แชมเบอร์ส อดีต ซีอีโอของ Cisco ที่ทำธุรกิจในจีนมาหลายทศวรรษ ที่ติดต่อกับผู้นำองค์กรและเจ้าหน้าที่ของรัฐมากหน้าหลากหลายตา ยอมรับว่ายากเสมอ แต่ที่สำคัญคือยังพอจะคาดเดาผลธุรกิจได้
แต่ล่าสุด ความสามารถในการคาดการณ์นี้มลายไปเมื่อรัฐบาลจีนปราบปรามการดำเนินธุรกิจของ ถอดตีตี้ ชูสิง แอปฯ เรียกแท๊กซี่ ออกจากแอปสโตร์ หลังเปิดไอพีโอนิวยอร์ก 4.4 พันล้านฯ และปราบผู้เล่นเทคโนโลยีรายใหญ่อื่น ๆ ในประเทศ
ผลมาจากความไม่แน่นอนใหม่นี้จากเจ้าหน้าที่จีน แชมเบอร์ส กำลังแนะนำให้ผู้นำของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่เขาดูแลในฐานะผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัทร่วมทุน JC2 Ventures ให้ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อทำธุรกิจในประเทศจีน
แชมเบอร์ส กล่าวใน Yahoo Finance Live ว่า “จีนจะเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ใช่หรือไม่ ท้ายที่สุด สหรัฐฯ และจีนจะคิดหาวิธีเข้ากันได้หรือไม่ ใช่ ผมคิดว่าหนทางมันจะเป็นหลุมเป็นบ่อหรือไม่ ใช่ และตอนนี้ถามผมว่าจะลงทุนในจีนหรือไม่” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะบริษัทขนาดเล็กที่มีความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ผมจะไม่ทำ”
บริษัทเทคโนโลยีของจีน กำลังเผชิญอาการตกหลุมอากาศจากมรสุมใหญ่ระลอกนี้
หุ้นของ Tencent ร่วงลง 32% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อาลีบาบา (BABA) ลดลง 35% และ Didi ร่วงเกือบ 50% หุ้น JD.com (JD) แม้จะรักษาสถานะได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกัน แต่ยังคงลดลง 22%
Invesco Golden Dragon China ETF (PGJ) ซึ่งถือหุ้นในบริษัทชั้นนำของจีน เช่น Nio (NIO) และ Alibaba ก็ตกลงอย่างน่าประหลาดใจถึง 55% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และคงทรง ๆ ในสภาพนี้ไป
แกรี่ เกนสเลอร์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) บอกกับ บลูมเบิร์ก เมื่อวันอังคารว่า “ระฆังยังไม่หมดยก” ในการจัดการกับบริษัทจีน
“ผมคิดว่าจีน ต้องกลับไปสู่จุดที่คาดเดาได้มากขึ้น ผมไม่คิดว่ามันเป็นประโยชน์เลยกับประเทศจีนในระยะยาวหรือของเรา” แชมเบอร์สกล่าวเสริม