นับเป็นอีกหนึ่งข่าวอื้อฉาวสนั่นวงการ ไม่ต่างจากคราวของ ‘เจิ้งส่วง’ เลยทีเดียว สำหรับกรณีของ ‘คริส วู’ (Kris Wu) หรือ ‘อู๋อี้ฟ่าน’ (吴亦凡) ที่เมื่อช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาได้กลายเป็นประเด็นร้อนเกี่ยวกับคดีล่อลวง-ล่วงละเมิดทางเพศ โดยล่าสุดหลังจากที่ดาราหนุ่มถูกตำรวจควบคุมตัวเพื่อนำไปสอบสวนเพิ่มเติมและเริ่มมีหลาย ๆ แพล์ตฟอร์มของจีนได้ทยอยออกมาลบข้อมูลทั้งหมดของ ‘คริส วู’ ออกจากระบบ ก็ทำให้ชาวเน็ตจีนจำนวนมากเกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคตของซีรีส์ “บันทึกปิ่น” ที่นำแสดงโดย ‘คริส วู’ และ ‘หยางจื่อ’ ว่าจะเป็นอย่างไรกันต่อไป...
เรียกได้ว่านับวันข่าวคราวเรื่องคดีความของ ‘คริส วู’ ก็ยิ่งมีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ ‘คริส วู’ ถูกตำรวจจากสถานีเฉาหยางในกรุงปักกิ่งควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมในวันที่ 31 ก.ค. วันถัดมาทางแพล์ตฟอร์ตสื่อมีเดียต่าง ๆ อาทิเช่น QQ Music, NetEase Music, KuGou Music, iQIYI ฯลฯ ได้ทยอยออกมาทำการลบข้อมูลเพลงและนักร้องของ ‘คริส วู’ ออกจากระบบทั้งหมด นอกจากนั้นช่องทางบนโลกโซเชียลของ ‘คริส วู’ ทั้งแอคเคาน์เว่ยป๋อ (Weibo) ของเจ้าตัวและสตูดิโอ รวมถึง Douyin (Tiktok ของฝั่งจีน) ต่างถูกระบบระงับการใช้งานไปแล้วทั้งสิ้น
ไม่เพียงแค่นั้นห้อง Super Topic บนเว่ยป๋อในชื่อของ ‘อู๋อี้ฝาน’ ซึ่งเหล่าแฟนคลับเคยใช้เป็นพื้นที่พูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ ‘คริส วู’ ก็ได้ถูกลบออกจากระบบ อีกทั้งซ้ำร้ายยังมีการทยอยปิดกลุ่มแฟนคลับ ‘คริส วู’ รวมถึงแอคเคาน์ที่เกี่ยวข้องไปแล้วเกือบหนึ่งพันบัญชีอีกด้วย
หลังจากข่าวอื้อฉาวต่าง ๆ นานาของ ‘คริส วู’ ได้ถูกเผยแพร่ออกมา สถานการณ์ของพีเรียดจีน “บันทึกปิ่น” หรือ “The Gloden Hairpin” (青簪行) ซึ่งเป็นผลงานซีรีส์เรื่องแรกในชีวิตของ ‘คริส วู’ ที่ได้มาประกบคู่กับ ‘หยางจื่อ’ (杨紫) และกำลังรอออกอากาศฉายอยู่นั้น ก็ไม่วายได้รับความสนใจและถูกจับตามองอย่างต่อเนื่องจากบรรดาคอซีรีส์และแฟน ๆ ที่กำลังรอติดตาม โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา (หลังจากมีการคุมตัว ‘คริส วู’) ทางแอคเคาน์หลักของซีรีส์ก็ได้ทำการลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ ‘คริส วู’ ออกจากหน้าเว่ยป๋อด้วยเช่นกัน จากจุดนี้เองอาจเป็นลางบอกเหตุกลาย ๆ ว่ายังไงแล้วการจะได้เห็นซีรีส์เรื่องนี้ในเวอร์ชั่นที่ยังมีหน้าของดาราหนุ่มนำแสดงอยู่ด้วยนั้นคงจะเป็นไปได้ยากอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าเมื่อซีรีส์หรือภาพยนตร์ที่ได้ถ่ายทำไปแล้ว หากแต่ถ้าไม่สามารถออกอากาศหรือเข้าฉายได้ ทางทีมงานย่อมต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ โดยในกรณีนี้ของซีรีส์ “บันทึกปิ่น” มีสื่อจีนหลายฝ่ายต่างออกมานำเสนอข้อมูลที่ว่า เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่นักแสดงถูกแบนเช่นนี้ ทางทีมผู้จัดของซีรีส์อาจมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาได้สองวิธี อย่างแรกคือเปลี่ยนนักแสดง ให้นักแสดงคนใหม่ถ่ายทำฉากของ ‘คริส วู’ ซ้ำแล้วตัดต่อลงในซีรีส์เรื่องนี้ใหม่ อย่างที่สองคือนำเทคโนโลยี AI Face-changing เข้ามาใช้ในการเปลี่ยนหน้านักแสดงแทน
ซึ่งการแก้ไขปัญหาในกรณีที่นักแสดงถูกแบนทั้งแบบการถ่ายซ้ำโดยเปลี่ยนคนแสดงหรือการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเปลี่ยนหน้านั้นล้วนแต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น โดยกรณีของการถ่ายซ้ำโดยเปลี่ยนคนแสดงเคยเกิดขึ้นกับซีรีส์เรื่อง “จักรวรรดิฉิน พลิกแผ่นดินมังกร ภาค 3” (The Qin Empire III: 大秦帝国之崛起) ที่ ‘หวังเสวี๋ยปิง’ (王学兵) เจ้าของเดิมของบท “ขุนพลไป๋ฉี่” ได้ถูกแบนจากกรณีข่าวลือที่ว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (ตอนหลังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง) ทางทีมงานได้เชิญ ‘สิงเจียต้ง’ (邢佳栋) ให้มาถ่ายซ้ำตามฉากที่ ‘หวังเสวี๋ยปิง’ เคยแสดงและทำการตัดต่อฝังลงไปใหม่ โดยจากการแก้ไขปัญหาเช่นนี้แม้ซีรีส์เรื่องนี้จะมีโอกาสที่ได้ออกอากาศตามกำหนดการปกติ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้ทุนสร้างอีกจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ช่วงหลังซีรีส์เรื่องนี้ประสบกับการมีทุนสร้างไม่เพียงพอ ฉากสงครามที่ควรจะเป็นไฮไลท์ของเรื่องกลับทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ตอนหลังกระแสของซีรีส์จึงค่อนข้างตกลงไปมาก
ในส่วนการแก้ปัญหาแบบการใช้เทคโนโลยี AI Face-changing เข้ามาช่วยในการเปลี่ยนหน้านักแสดงนั้นเป็นวิธีที่ประหยัดทุนสร้างได้มากกว่าวิธีแรก สามารถเกิดขึ้นได้ใน 2 รูปแบบ นั่นก็คือ รูปแบบที่หนึ่งต้องหาหน้าต้นแบบใหม่มาเป็นตัวเปลี่ยนหน้า ซึ่งเคยเกิดขึ้นกับซีรีส์เรื่อง “Odds To Win” (胜算ปี 2020) ที่เดิมทีบทนางเอกของเรื่องเป็นนักแสดงเกาหลีใต้คนหนึ่ง แต่ต่อมาดันเกิดปัญหาออกอากาศไม่ได้ จนสุดท้ายจึงต้องมีการติดต่อนักแสดงสาวชาวจีนนาม ‘ซูชิง’ (苏青) ให้มาเป็นต้นแบบในการเปลี่ยนหน้าแทนนักแสดงคนเดิม
รูปแบบที่สองคือใช้ความสามารถ AI ในการประมวลผลสร้างหน้าใหม่ที่จะไม่ตรงกับบุคคลที่มีอยู่จริง ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับกรณีของภาพยนตร์แฟนตาซีกึ่งแอนิเมชั่นเรื่อง “สงคราม 7 จอมเวทย์” (L.O.R.D: Legend of Ravaging Dynasties: 冷血狂宴) โดยเดิมทีภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบปัญหากับการที่ ‘ฟ่านปิงปิง’ (范冰冰) ถูกแบนจากกรณีเรื่องหนีภาษีจนไม่สามารถเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้ จึงจำเป็นต้องเลือกดึงวิธีการแก้ปัญหาเช่นนี้มาใช้ด้วยเช่นกัน
โดยสำหรับการใช้เทคโนโลยี AI Face-changing ในแต่ละรูปแบบก็จะมีข้อเสียแตกต่างกันไป โดยในรูปแบบแรกเคยเกิดปัญหาของการที่นักแสดงซึ่งเป็นต้นแบบใหม่ถูกลดทอนความสามารถและเกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อทักษะความสามารถในการแสดง กล่าวคือแม้ภาพหน้าของตัวละครในผลงานที่จะได้รับการแก้ไข แต่ถึงอย่างไรร่างกายท่าทางที่แสดงออกมาก็ไม่ใช่ของตัวเจ้าของใหม่อยู่ดีซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนดูหลายคนอาจเกิดภาพจำต่อทักษะการแสดงนั้น ๆ ไปด้วย
ส่วนในรูปแบบที่สองทางสื่อจีนจาก Tencent News ก็ได้แสดงความกังวลถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมาว่า ถึงแม้จะเกิดการสร้างหน้าของบุคคลใหม่ขึ้นมาแทน แต่อย่างไรคนส่วนใหญ่ก็จะยังน่าจะจดจำภาพของต้นฉบับของ ‘คริส วู’ ได้ ซึ่งจากจุดนี้ในอนาคตอาจทำให้เกิดเป็นกระแสความไม่พอใจจากฝ่ายผู้ชมที่มีทัศนคติเชิงลบต่อตัวของ ‘คริส วู’ ไปแล้วก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม จากความเป็นไปได้ที่กล่าวไปก็เป็นเพียงสิ่งที่มีการนำมาลือกันบนโลกโซเชียลของจีนและคำวิเคราะห์คาดการณ์บางส่วนจากสื่อจีนเท่านั้น สำหรับข้อสรุปที่แน่ชัดว่าหนทางในอนาคตของผลงานซีรีส์ “บันทึกปิ่น” จะเป็นอย่างไร จะมีการแก้ไขปัญหาโดยเปลี่ยนคนแสดงหรือใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการเปลี่ยนหน้าจริงหรือไม่ อาจต้องรอการคอนเฟิร์มจากทางฝั่งของทีมผู้จัดซีรีส์อีกทีหลังจากคดีความของ ‘คริส วู’ ได้สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งหากมีความคืบหน้าใด ๆ ออกมา โต๊ะฯจีนจะไม่พลาดรีบนำมาอัพเดทให้กับคุณผู้อ่านทุกท่านทราบอย่างแน่นอนจ้า