สำนักข่าวซินหัว สื่อทางการจีน รายงาน (19 ก.ค.) จีนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สแกนภาพและรวบรวมข้อมูลสามมิติ ในการอนุรักษ์โบราณวัตถุภายในถ้ำหินหลงเหมิน (Longmen Grottoes) แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนานทางตอนกลางของจีน
ถ้ำหินหลงเหมินประกอบด้วยหมู่ถ้ำน้อยใหญ่มากกว่า 2,300 แห่ง มีพระพุทธรูปและรูปเคารพของพุทธศาสนา ซึ่งถูกสร้างขึ้นช่วงระหว่างราชวงศ์เว่ยเหนือ (ปี 386-557) ถึงราชวงศ์ซ่ง (ปี 960-1279) ประดิษฐานอยู่ถึง 110,000 องค์ สถูปกว่า 80 องค์ และแผ่นจารึก 2,800 ชิ้น
“หลี่ หลินหลิน” เจ้าหน้าที่ทีมข้อมูลของสถาบันวิจัยถ้ำหินหลงเหมินกล่าวว่า “เราเริ่มสแกนภาพและเก็บข้อมูลบนกำแพงฝั่งเหนือและใต้ของถ้ำกู่หยางเมื่อเดือนมีนาคม จนถึงตอนนี้เสร็จสิ้นร้อยละ 80 แล้ว ถ้ำกู่หยางมีความสูงกว่า 11 เมตร เราจึงต้องปีนนั่งร้านเพื่อขึ้นไปเก็บข้อมูลบนที่สูงด้วย โดยจุดสูงสุดของถ้ำเทียบเท่ากับชั้น 3 ของตึกทั่วไป”
หลี่ฯ ระบุว่า แม้งานของเธออาจดูน่าเบื่อและจำเจแต่ก็มีความหมายมาก เนื่องจากมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้จะมีอายุยืนยาวผ่านระบบดิจิทัล และเป็นประโยชน์ต่อการเก็บรักษา การเฝ้าติดตามโรค การวิจัยทางโบราณคดี หรือแม้กระทั่งการจำลองแบบและการจัดแสดง เพื่อส่งเสริมการรักษาถ้ำหินหลงเหมินในรูปแบบดิจิทัลต่อไป