xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights: ทำไมจีนถึงคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กลุ่มเจ้าหน้าที่การแพทย์ในอู่ฮั่น แสดงความดีใจหลังจากที่ทางการประกาศ ‘จุดสูงสุด’ของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศจีนได้สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อวันที่ 12 มี.ค.  2020 (แฟ้มภาพซินหัว)
ร่มฉัตร จันทรานุกูล มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยนานาชาติ กรุงปักกิ่ง (UIBE)

ในช่วงนี้มีคนถามผู้เขียนมามากว่า จีนคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้จริงๆแล้วหรือ ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยกันแล้วหรือ จีนทำได้อย่างไรที่ทำให้ผู้ป่วยรายวันอยู่แค่หลักสิบติดต่อกันมากว่าปีนึงแล้ว ดังนั้นในบทความนี้ผู้เขียนอยากจะมาบอกเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับการควบคุมและป้องกันการระบาดโรคโควิด-19 ของจีน ต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่ความสำเร็จจากการควบคุมการระบาดหนักเป็นวงกว้างที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2020 ที่อู่ฮั่นเป็นต้นมา จีนไม่เคยการ์ดตกเรื่องการควบคุมโรคระบาดเลย ภารกิจการควบคุมโรคระบาดเป็นเรื่องของคนทั้งชาติและจีนมองว่าโรคระบาดโควิด-19 นี้มีแนวโน้มที่จะอยู่กับเราตลอดไปดังนั้นมาตรการควบคุมโรคจะต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตลอดไปจนกว่าจะมีนโยบายผ่อนคลาย

กระทรวงสาธารณสุขจีนได้ออกหนังสือคู่มือให้ความรู้แก่ประชาชนเรื่องการควบคุมโรคระบาดโควิด-19  ที่ผ่านมาจีนยึดถือ ‘หลักปฏิบัติ 4 ก่อน’ คือ ค้นพบก่อน รายงานก่อน รีบแยกก่อน และรักษาก่อน ในภาษาจีนเรียกสั้นๆว่า “四早” อ่านว่า ‘ซื่อจ่าว’   อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือการตรวจหาที่ต้องไวกว่าการระบาด ตรงนี้ผู้เขียนขอยกตัวอย่างเช่น ในตึกออฟฟิศแห่งหนึ่งมีเคสติดเชื้อเกิดขึ้น ศูนย์ควบคุมโรคระบาดท้องที่จะแจ้งให้นิติบุคคลให้ปิดตึกทันทีและมีหน่วยพยาบาลเข้าไป Swap ตรวจคัดกรองทุกคนในตึก ณ ขณะนั้น ทุกคนในตึกไม่สามารถออกจากตึกได้ต้องรอจนกว่าผลตรวจโควิด-19 ทั้งหมดออกมาเสร็จสิ้น โดยจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงในการส่งแล็บและแจ้งผล หากว่าพบผู้ที่มีผลบวกจะถูกกักตัวไว้เพื่อตรวจอีกครั้ง ตึกที่พบผู้ป่วยจะต้องทำการพ่นฆ่าเชื้อโดยทันทีและอาจปิดตึกชั่วคราวแล้วแต่กรณี อีกทั้งการติดตามเครือข่ายสายการระบาดก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ว่าระบาดจากไหนไปไหน

ผู้เขียนมองว่าจีนทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะมีบางครั้งที่หาต้นตอไม่พบแต่ก็น้อยมาก ความรวดเร็วของการหาเครือข่ายเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้องกับสายการระบาดของโรคโควิด-19 ต้องทำให้ไวและแม่นยำ จีนมีกฎหมายบังคับอีกว่าผู้ที่ติดโควิด-19 หากให้ข้อมูลเท็จกับเจ้าหน้าที่หรือปิดบังไทม์ไลน์ของตัวเองจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และแน่นอนว่าการตรวจสอบของจีนไม่ใช่แค่เอาเข้าห้องซักถามอย่างเดียว แต่ยังจะหาหลักฐานจากโลเคชั่นของมือถือส่วนตัวที่ผ่านมาว่าเคยไปไหนมาบ้าง ประวัติการจ่ายเงินในร้านค้าผ่านวีแชทและอาลีเพย์ย้อนหลังอีกด้วย ต้องบอกว่าการสืบค้นเส้นทางการระบาดของโรคโควิด-19 ค่อนข้างมีความรัดกุมและใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้วย

หลังจากการระบาดใหญ่ในอู่ฮั่นได้รับการควบคุม ในช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมานี้จีนยังมีกลุ่มก้อนการระบาดอยู่บ้างในเมืองต่างๆ โดยที่ผ่านมาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจีนและหน่วยงานสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องในท้องที่ต่างๆมีการแชร์ข้อมูลวิเคราะห์สาเหตุของการระบาดในแต่ละครั้ง อย่างเช่น เกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในตลาดสดและเขตขายอาหารทะเลแช่แข็งในตลาดซินฟาตี้ปักกิ่ง ก็มีการปิดตลาดในทันทีและเข้าไปเก็บตัวอย่างก็พบว่าตัวอย่างจากอาหารแช่แข็งนำเข้าบางส่วนมีเชื้อโควิด-19 ติดอยู่บนพื้นผิวและเป็นสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในต่างประเทศขณะนั้น หลังจากนั้นจีนได้จัดระเบียบตรวจสอบและเทสโควิด-19 กับสินค้านำเข้าประเภทอาหารแช่แข็ง สินค้าเกษตรจากต่างประเทศ มีระบบการฉีดพ่นฆ่าเชื้อบรรจุภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ เป็นต้น ทำให้ในปัจจุบันหน่วยงานศุลกากรจีนโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด่านหน้าที่ต้องรับและสัมผัสกับสินค้าและบรรจุภัณฑ์นำเข้าต้องใส่ชุด PPE ระหว่างปฏิบัติงานเพื่อป้องกันจนเป็นปกติ

แล้วระเบียบการจัดการและป้องกันโรคโควิด-19 ของจีนมีข้อกำหนดอย่างไรบ้าง?

อันดับแรกเลยคือการป้องกัน โดยเฉพาะในสถานที่ปิดที่อากาศไม่ถ่ายเท ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลาและต้องรักษาระยะห่างในสังคม ภายในบริเวณพื้นที่ปิดต้องพยายามเปิดให้อากาศถ่ายเท เปิดระบบการหมุนเวียนของช่องลมแบบสูงสุด รณรงค์การใช้ตะเกียบกลาง ปิดปากและปิดจมูกเวลาไอหรือจาม เป็นต้น

สองคือ ค้นหาผู้ป่วยและผู้นำพาหะให้ไวและลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายให้มากที่สุด

สามคือ สถานที่ที่ต้องระมัดระวังการระบาดเป็นพิเศษเช่น โรงพยาบาล โรงเรียน บ้านพักคนชรา และสถานที่สงเคราะห์ต่างๆ จะมีมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดและเป็นการบริหารแบบปิด อย่างเช่นที่มหาวิทยาลัยของผู้เขียนไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าออกได้เหมือนแต่ก่อน นอกจากว่าต้องมีการขออนุมัติกับมหาวิทยาลัยล่วงหน้า ใช้ระบบสแกนหน้าและสแกนคิวอาร์โค้ดของบุคลากรในการเข้าออกมหาวิทยาลัยทุกครั้ง เป็นต้น

สี่คือ การเพิ่มศักยภาพของเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจโควิด เครื่อง PCR เพิ่มปริมาณและศักยภาพการตรวจกับประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด โดยยึดถือหลักปฏิบัติ “จำเป็นต้องตรวจ ต้องได้ตรวจ ต้องการตรวจ ต้องได้ตรวจ”

ห้าคือ การใช้ รหัสสุขภาพ (Health code) ส่วนบุคคลเพื่อลงทะเบียนและติดตามในการไปสถานที่ต่างๆ ของประชาชนและแต่ละมณฑล แต่ละเมืองระบบต้องเชื่อมโยงถึงกัน

ประเด็นสุดท้ายคือ การกำหนดการซื้อยาแก้หวัด ยาลดไข้ ในร้านขายยาต้องลงทะเบียนล่วงหน้าหรือต้องมีใบสั่งของแพทย์ถึงจะซื้อได้ ไม่สามารถซื้อได้อิสระเหมือนแต่ก่อน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายกับอาการผู้ป่วยโควิด-19 ต้องไปถูกคัดกรองและรับยา รับการรักษาที่โรงพยาบาลเท่านั้น

จีนมองว่าโรคโควิด-19 มีแนวโน้มอยู่กับเราไปตลอดดังนั้นจึงเตือนประชาชนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด “อย่าการ์ดตก” แม้ตัวเลขผู้ป่วยลดลงมากแล้วก็ตาม (แฟ้มภาพรอยเตอร์ส)
ต่อมาคือการลำดับขั้นเขตพื้นที่ระบาดเป็นสามลำดับ ได้แก่ พื้นที่เสี่ยงน้อย พื้นที่เสี่ยงปานกลาง และพื้นที่เสี่ยงสูง ถือเป็นการควบคุมโรคแบบตรงจุด โดยจะประเมินจากสถานการณ์การระบาดในพื้นที่โดยรวม การใช้หลักทางวิทยาศาสตร์ โดยพื้นที่เสี่ยงน้อยหลักๆจะป้องกันการระบาดจากขาเข้า พื้นที่ความเสี่ยงระดับปานกลางจะป้องกันการระบาดจากขาเข้าไปพร้อมกับการระมัดระวังการแพร่กระจายของโรคระบาด โดยต้องแยกผู้ป่วยออกมาและดูแลอย่างเคร่งครัด ผู้สัมผัสต้องกักตัวและได้รับการจัดการสังเกตอาการจากหน่วยสาธารณสุขในพื้นที่ ตรวจโควิด-19 เชิงรุกคือตรวจอย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้าง ในเขตที่ยังไม่พบผู้ป่วยต้องเฝ้าระวังขั้นสูงสุด สุดท้ายคือพื้นที่ความเสี่ยงระดับสูง ที่นอกจากจะต้องปฏิบัติอย่างพื้นที่ความเสี่ยงระดับกลางแล้วยังต้องจำกัดกิจกรรมการรวมตัวในที่สาธารณะและอาจจะต้องมีการพิจารณาปิดหมู่บ้าน ปิดเมือง ตั้งเงื่อนไขการเข้าออกแล้วแต่กรณี ขั้นสูงสุดก็จะเป็นแบบที่อู่ฮั่นปิดล็อกตัดการเข้าออกทุกอย่าง นอกจากนี้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงสูงจะต้องดูการแจ้งเตือนของแต่ละเขตโดยรัฐบาลผ่าน App และ Mini program อีกด้วย เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์การระบาดในพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่

ในเรื่องของการใช้ Health code ส่วนบุคลและการลงทะเบียนเมื่อไปสถานที่ต่างๆเป็นเครื่องมือที่สำคัญของรัฐบาลในการควบคุมและค้นหาผู้ป่วย อีกทั้งสถานที่ตรวจโควิด-19 ก็หาได้สะดวกทั้งที่โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน หรือจะเรียกบริการมาตรวจถึงหน้าบ้านก็ยังได้ ตรงนี้เป็นข้อได้เปรียบของจีนในการบริหารการควบคุมโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ

ประเด็นสุดท้ายคือพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นพรรคที่มีสมาชิกเยอะที่สุดในโลก ในปัจจุบันสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีทั้งสิ้น 95 ล้านกว่าคน ซึ่งเทียบกับ 100 ปีที่แล้วที่เริ่มก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีสมาชิกเพียง 50 กว่าคนเท่านั้น สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งงานหรือหน่วยงานใด ต่างมีบทบาทในการขับเคลื่อนประเทศของจีนทั้งสิ้น ผู้เขียนขอยกตัวอย่างเมื่อที่จีนมีการระบาดโรคโควิด-19 อยากหนักที่อู่ฮั่น สมาชิกพรรคฯเป็นกลุ่มคนแรกๆที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน ได้แก่ หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่จากเอกชนที่เข้าไปช่วยเหลืออยู่ด่านหน้า เป็นต้น หากท่านผู้อ่านกลับไปสังเกตรูปภาพผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือโควิด-19 ในจีน จะมีหลายท่านที่บนหน้าอกติดตราสัญลักษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทั้งนี้ทุกคนที่ปฎิบัติงานล้วนทำงานเพื่ออุดมการณ์ เพื่อประชาชนและเพื่อประเทศชาตินั่นเองค่ะ


กำลังโหลดความคิดเห็น