ไต้หวันนิวส์ รายงาน (20 มิ.ย.) — ศูนย์บัญชาการแพร่ระบาดกลาง (CECC) ระบุในวันเสาร์ (19 มิ.ย.) ว่า การเสียชีวิตของผู้เสียชีวิต 49 รายหลังจากได้รับวัคซีนโควิด-19 ไม่น่าจะเกิดจากการฉีดวัคซีน
CNA รายงานตามที่ เฉินสือจ้ง หัวหน้า ศูนย์บัญชาการแพร่ระบาดกลางกล่าวว่า การชันสูตรพลิกศพ 4 ราย แสดงให้เห็นว่าบุคคลเหล่านี้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจไม่ใช่เพราะวัคซีน การวิเคราะห์เบื้องต้นของผู้เสียชีวิตทั้ง 49 คนไม่พบหลักฐานความเชื่อมโยงระหว่างการฉีดวัคซีนกับการเสียชีวิตของพวกเขา
การรณรงค์ฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 75 ปีเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน แต่รายงานของผู้คนที่เสียชีวิตหลังจากได้รับการฉีดวัคซีนได้รับความสนใจในสื่อ มีรายงานว่าผู้สูงอายุไม่เต็มใจที่จะฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ จากผู้เสียชีวิตรายใหม่ 24 รายที่ประกาศเมื่อวันเสาร์ ทั้งหมดเสียชีวิตภายในสามวันหลังจากรับวัคซีน ขณะที่ 20 รายในจำนวนนี้มีอายุมากกว่า 75 ปี และมีประวัติเป็นโรคเรื้อรัง เฉินกล่าว ทั้งหมดจะถูกชันสูตรพลิกศพซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง
อาร์ทีไอ รายงานว่าไต้หวันเผชิญ โรคโควิด-19 รอบใหม่รุนแรงและยังไม่มีแนวโน้มบรรเทาลง ขณะที่วัคซีนไม่เพียงพอ และมีเพียง 2 ยี่ห้อ ได้แก่โมเดอร์นาและแอสตราเซเนกา สำหรับโมเดอร์นามีก่อนหน้านี้นำเข้าแล้วเพียง 150,000 โดส ฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงที่ทำหน้าที่อยู่ด่านหน้า ได้แก่แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันโรค ซึ่งยังไม่พอ
เมื่อวันอังคารที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั่วไต้หวันเปิดให้ผู้สูงอายุฉีดวัคซีนยี่ห้อแอสตราเซเนกา ที่ญี่ปุ่นบริจาคให้ 1.24 ล้านโดส เนื่องจากวัคซีนไม่เพียงพอ แต่ละเมืองจัดสรรให้ผู้สูงอายุ 75 - 87 ปีขึ้นไป และในวันแรกแต่ละเมืองจัดระบบให้บริการฉีดวัคซีนไม่ดีพอ ชุลมุนวุ่นวาย ปล่อยให้คนแก่ต้องยืนเข้าแถวยาว อากาศก็ร้อน หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวันต่อมามีการปรับปรุงดีขึ้น
เมืองที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุดคือเมืองจางฮั่ว มีบริการฉีดวัคซีนแบบไดร์ฟทรู เหมือนไปซื้อแมกโดนัลโดยไม่ต้องลงจากรถ อำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ มีเจ้าหน้าที่ไปฉีดให้ถึงที่รถ ซึ่งลดความแออัดจนไม่รักษาระยะห่างในการเข้าแถวลงได้มาก