ข้อมูลล่าสุดจาก “灯塔专业版” (อ่านว่า “เติงถ่าจวนเยว่ป่าน”) แอปพลิเคชั่นในเครืออาลีบาบาพิคเจอร์ส (Alibaba Pictures) ได้มีการสรุปว่าภายในเวลาเกือบครึ่งปีที่ผ่านมารายได้จาก Box office* ของจีนพุ่งสูงถึง 25,000 ล้านหยวน มากกว่ายอดรวมทั้งปี 2020 ที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เสียอีก ซึ่งหากนำยอดล่าสุดในช่วงเกือบครึ่งปี 2021 ที่ถูกปล่อยออกมาไปเทียบจากยอดรายได้ Box office ของจีนตลอดปี 2019 ที่สูงถึง 64,266 ล้านหยวนก็จะเห็นได้ว่า หลังจากซบเซาไปแรมปี “ขณะนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของจีนนั้นกำลังเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว”
*ปล. รายได้จาก Box office หมายถึง เงินที่ได้จากการขายตั๋วเข้าชมภพยนตร์
นอกจากยอดรวมทั้งหมดแล้ว ยังมีตารางการจัดอันดับรายได้จาก Box office ของภาพยนตร์แต่ละเรื่องที่เข้าฉาย ณ ประเทศจีนในช่วงเวลาห้าเดือนแรกของปี 2021 ถูกปล่อยออกมาด้วย โดยข้อมูลในตารางดังกล่าวระบุไว้ว่า ภาพยนตร์ที่ทำรายได้ Box office ในจีนไปมากกว่าหนึ่งพันล้านหยวนมีอยู่ทั้งหมด 7 เรื่อง โดยในจำนวน 7 เรื่องที่ว่านี้เป็นภาพยนตร์จีนไปแล้วถึง 5 เรื่องด้วยกัน! และแน่นอนค่ะว่าจากจุดนี้เองโต๊ะบันเทิงจีนของเราก็ไม่พลาดหยิบยกข้อมูลของภาพยนตร์จีนทั้ง 5 เรื่องมาบอกเล่าสู่กันฟัง ถ้าพร้อมแล้วอย่ารอช้า ตามไปดูกันสิว่ามีเรื่องอะไรกันบ้าง แล้วแต่ละเรื่องจะมีความปังต่างกันอย่างไร?!!!
1) จอมยุทธ์ทะลุภพ หรือ A Writer's Odyssey (刺杀小说家)
เรื่องย่อ: ในโลกแห่งความจริง เพื่อตามหาลูกสาวของตัวเอง ชายคนหนึ่งนาม “กวนหนิง” จึงตัดสินใจรับภารกิจจากสาวลึกลับนาม “ถูหลิง” ให้ไปลอบสังหาร “ลู่คงเหวิน” นักเขียนนวนิยายเรื่อง “Kill the God” (弑神 อ่านว่า “ซื่อเสิน”) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายธรรมดาคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสังหารเทพเจ้าผมแดงผู้ปกป้องโลกแฟนตาซีอย่างโหดเหี้ยม โดยระหว่างการตามล่า ไม่มีใครรู้เลยว่าโลกนิยายที่ถูกสร้างจากปลายปากกาของลู่คงเหวินนั้นเชื่อมต่อกับโลกแห่งความจริงและความก้าวหน้าทุกขณะของมันกำลังทำให้เรื่องราวต่าง ๆ บนโลกแห่งความจริงนั้นเปลี่ยนไป! (คลิกเพื่อชมตัวอย่างในซับไทย)
ภาพยนตร์จีนเรื่อง “จอมยุทธ์ทะลุภพ” (ชื่อภาษาจีนของภาพยนตร์เรื่องนี้แปลได้ตรงตัวเลยว่า “ลอบฆ่านักเขียน”) เป็นภาพยนตร์แอคชั่นแฟนตาซีที่ดัดแปลงมาจากนิยายสั้นชื่อเดียวกันของ “ซวงเสวี่ยเทา” (双雪涛) กำกับโดย ‘ลู่หยาง’ (路阳) ผู้กำกับหนังจีนต่อสู้สุดมันส์อย่าง “มังกรพยัคฆ์ ล่าสะท้านยุทธภพ” ทั้ง 2 ภาค นำแสดงโดย ‘เหลยเจียอิน’ (雷佳音 รับบทเป็น “กวนหนิง”) ‘หยางมี่’ (杨幂 รับบทเป็น “ถูหลิง”) และ ‘ต่งจื่อเจี้ยน’ (董子健 รับบทเป็น “ลู่คงเหวิน”)
ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มถ่ายทำมาตั้งแต่ปลายปี 2018 และได้เข้าฉายในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา (วันที่ 12 ก.พ. 64) ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์แอคชั่นแฟนตาซีที่มีเนื้อเรื่องลึกลับน่าค้นหา ชวนดู แถมสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้กินขาด ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงทำรายได้สุทธิในจีนไปได้สูงถึง 1,035 ล้านหยวน (ประมาณ 5,080 ล้านบาท)
**ปล. หากใครสนใจภาพยนตร์เรื่อง “จอมยุทธ์ทะลุภพ” สามารถรอดูกันได้ 10 มิ.ย. นี้ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
2) Cliff Walkers (悬崖之上)
เรื่องย่อ: ในช่วงต้นทศวรรษ 1930 สายลับพรรคคอมมิวนิสต์จีนสี่คนที่ได้รับการฝึกอบรมพิเศษในสหภาพโซเวียตประกอบไปด้วย “จางเสี้ยนเฉิน” “หวังอวี้” “หวังฉู่เหลียง” และ “จางหลาน” ได้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจโดดร่มเข้าไปที่ฮาร์บินเมืองหนึ่งใน “แมนจูกัว” รัฐหุ่นเชิดของญี่ปุ่นในขณะนั้น (แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน) เพื่อร่วมกันเริ่มปฏิบัติการลับชื่อรหัสว่า “Ultra” และเมื่อสายลับทั้ง 4 ลงจอดในดินแดนหิมะแห่งนี้เรื่องราวความท้าทายจึงเริ่มต้นขึ้น แม้ต้องเผชิญหน้ากับความอันตรายมากมายพร้อมทั้งพบว่าพวกเขาถูกขายโดยคนทรยศ แต่ถึงอย่างไรก็ตามในฐานะสายลับพวกเขาจำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ! (คลิกเพื่อชมตัวอย่างในซับภาษาอังกฤษ)
ภาพยนตร์จีนเรื่อง “Cliff Walkers” เป็นภาพยนตร์จีนแนวสงครามสายลับ กำกับโดยผู้กำกับรุ่นใหญ่ชื่อดังอย่าง ‘จางอี้โหมว’ (张艺谋) นำแสดงโดย ‘จางอี้’ (张译 รับบทเป็น “จางเสี้ยนเฉิน”) ‘อวี๋เหอเหว่ย’ (于和伟 รับบทเป็น “โจวอี่”) ‘จูย่าเหวิน’ (朱亚文 รับบทเป็น “หวังฉู่เหลียง”) ‘ฉินไห่ลู่’ (秦海璐 รับบทเป็น “หวังอวี้”) และ ‘หลิวฮ่าวฉุน’ (刘浩存 รับบทเป็น “จางหลาน”)
ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มถ่ายทำกันตั้งแต่ปลายปี 2019 และเสร็จสิ้นไปเมื่อกลางปี 2020 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ตามสไตล์ความทุ่มเทของผู้กำกับ ‘จางอี้โหมว’ ทำให้เขาและทีมต้องผ่านด่านกักตัว 14 วันมากกว่า 2 ครั้งสำหรับการขึ้นไปถ่ายทำทางเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และในที่สุดภาพยนตร์เรื่อง “Cliff Walkers” ก็ได้เข้าฉายไปเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา (30 เม.ษ. 64) และปัจจุบันยังคงฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ของจีน โดยมียอด Box office ในจีนสะสมรวมอยู่ที่ 1,077 ล้านหยวน (ประมาณ 5,286 ล้านบาท)
3) A Little Red Flower (送你一朵小红花)
เรื่องย่อ: “เหวยอี้หาง” เด็กหนุ่มที่ป่วยเป็นมะเร็งสมองจำเป็นต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกนำเนื้อร้ายออก ซึ่งถึงแม้การผ่าตัดจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ด้วยความเจ็บป่วยทางจิตใจจากการเผชิญกับโรคร้ายทำให้เหวยอี้หางกลายเป็นคนเก็บตัวและมองโลกในแง่ร้าย จนกระทั่งพ่อแม่ของเขาจึงได้สนับสนุนให้ลูกชายคนเดียวออกไปเข้ากลุ่มช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง ทำให้เหวยอี้หางพบกับ “หมาเสี่ยวหยวน” สาวน้อยรุ่นราวคราวเดียวกันที่ป่วยเป็นมะเร็งเหมือนกัน หลังจากเหวยอี้หางได้รู้จักกับหมาเสี่ยวหยวนก็พบว่า แม้เธอจะต้องเผชิญกับโรคร้ายเช่นเดียวกับเขา แต่เธอกลับยังคงเป็นคนที่ร่าเริงสดใสและมองโลกในแง่ดีได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และพลังในแง่บวกของหมาเสี่ยวหยวนนี่เองทำให้ในที่สุดเหวยอี้หางก็เริ่มเปิดใจ เดินออกมาจากโลกแห่งความเดียวดายและก้าวเดินต่อไป (คลิกเพื่อชมตัวอย่างในซับภาษาอังกฤษ)
ภาพยนตร์เรื่อง “A Little Red Flower” เป็นภาพยนตร์จีนแนวโรแมนติกดราม่าเน้นไปที่การดูแลจิตใจของคนใกล้ตัวที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคร้าย กำกับโดย ‘หานเหยียน’ โดยตัวผู้กำกับเองได้เคยเปิดเผยว่าสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้เขาได้ไอเดียต่อยอดมาจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Go Away Mr. Tumor" (滚蛋吧!肿瘤君) ในปี 2015 ซึ่งตัวเอกเป็นผู้ป่วยมะเร็งเช่นกัน
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ ‘อี้หยางเชียนซี’ (易烊千玺) หรือ แจ็คสัน ยี (Jackson Yee) สมาชิกวงไอดอลชื่อดังอย่าง TFBOYS มารับบทเป็น “เหวยอี้หาง” และได้ ‘หลิวฮ่าวฉุน’ (刘浩存) มารับบทเป็น “หมาเสี่ยวหยวน” และด้วยความสามารถและทักษะด้านการแสดงที่ดีเยี่ยมของ ‘อี้หยางเชียนซี’ ทำให้เร็ว ๆ นี้เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา เขาได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” จาก Huading Awards ครั้งที่ 30 (华鼎奖 เรียกง่าย ๆ ว่า “รางวัลหวาติ่ง”) ด้วย
ในส่วนของรายได้ อันที่จริงแล้วภาพยนตร์จีนเรื่อง “A Little Red Flower” ทำรายได้ในจีนไปได้มากถึง 1,400 ล้านหยวน แต่ด้วยความที่เริ่มเข้าฉายวันแรกในวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งคาบเกี่ยวช่วงเปลี่ยนปีพอดี ทำให้ในตารางการจัดอันดับรายได้จาก Box office ในปี 2021 ตัดรายได้สุทธิโดยไม่รวมวันแรกที่เข้าฉายในปี 2020 มาเหลือแค่ 1,196 ล้านหยวน (ราว ๆ 5,870ล้านบาท)
4) แก๊งม่วนป่วนโตเกียว หรือ Detective Chinatown 3 (唐人街探案3)
เรื่องย่อ: หลังจากเหตุการณ์สืบคดีที่กรุงเทพฯ (จากภาคแรก) และนิวยอร์ก (จากภาคที่ 2) “ถังเหริน” และ “ฉินเฟิง” สองลุงหลานนักสืบไชน่าทาวน์ได้รับเชิญให้ไปที่โตเกียวเพื่อสืบสวนคดีฆาตกรรมแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นร่วมกับนักสืบชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง “โนดะ ฮิโรชิ” โดยในครั้งนี้การปรากฏตัวของ Q เจ้าแห่งปริศนาสุดลึกลับ ทำให้การสืบคดีมีความสับสนมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เองจึงเกิดเป็นการรวมพลนักสืบสุดแข็งแกร่งแห่งเอเชีย เพื่อเข้าร่วมการสืบคดีสุดท้าทายและเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของ Q (คลิกเพื่อชมตัวอย่างในพากย์ไทย)
ภาพยนตร์จีนเรื่อง “แก๊งม่วนป่วนโตเกียว” เป็นภาพยนตร์จีนแนวแอคชั่นคอมเมดี้ชื่อดัง เขียนบทและกำกับโดยผู้กำกับ ‘เฉินซือเฉิง’ (陈思诚) นำแสดงโดย ‘หวังเป่าเฉียง’ (王宝强 รับบทเป็น “ถังเหริน”) ‘หลิวฮ่าวหราน’ (刘昊然 รับบทเป็น “ฉินเฟิง”) ‘สึมาบุกิ ซาโตชิ’ (Tsumabuki Satoshi รับบทเป็น “โนดะ ฮิโรชิ”) และนักแสดงสายบู๊จากไทยอย่าง ‘จาพนม’ (รับบทเป็น “แจ็ค จา”)
ภาพยนตร์เรื่องนี้บินไปถ่ายทำกันถึงโตเกียว โดยเข้าฉายในจีนแผ่นดินใหญ่ไปเมื่อช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา (วันที่ 12 ก.พ. 64) ด้วยความที่ภาพยนตร์จีนชุด “แก๊งม่วน” นั้นมีชื่อเสียงในเรื่องฉากบู๊สุดมันส์บวกกับความฮากระจาย ทำให้ไม่ว่าจะทำออกมากี่ภาค กระแสก็ยังดีไม่มีตก ล่าสุดสำหรับภาค 3 ก็กวาดรายได้สุทธิในประเทศจีนแค่ประเทศเดียวไปได้สูงถึง 4,515 ล้านหยวน (ประมาณ 22,162 ล้านบาท) แซงหน้ารายได้สุทธิในจีนของภาคสองไปมากกว่า 1,100 ล้านหยวนเลยทีเดียว
***ปล. ภาพยนตร์เรื่อง “แก๊งม่วนป่วนโตเกียว” ได้มีการเข้าฉายในไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยฉายหลังจีนแผ่นจีนใหญ่ไปแค่ 6 วันเท่านั้นเอง
5) Hi, mom (你好, 李焕英)
เรื่องย่อ: หลังจากที่ “หลี่ฮ่วนอิง” ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 2001 “เจี๋ยเสี่ยวหลิง” ลูกสาวที่กำลังโศกเศร้าก็พบว่าตัวเองถูกส่งตัวย้อนเวลากลับไปในปี 1981 ซึ่งเธอจับพลัดจับผลูกลายมาเป็นเพื่อนสนิทของแม่ตัวเองที่ชื่อว่า “หลี่เล่อหยาง” ด้วยความที่เจี๋ยเสี่ยวหลิงรู้สึกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอยังเป็นลูกสาวที่ไม่ดีพอ ทำให้เมื่อได้ย้อนเวลากลับมาในปี 1981 แล้ว เธอตั้งใจจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้หลี่ฮ่วนอิง แม่ของเธอมีความสุขที่สุด เริ่มจากการพยายามจับคู่ “หลี่ฮ่วนอิง” ให้กับ “เฉินกวงหลิน” ลูกชายผู้จัดการโรงงาน ด้วยความหวังที่อยากจะให้ตัวหลี่ฮ่วนอิง แม่ของเธอมีชีวิตที่ดีกว่าในครั้งแรกที่ผ่านมา (คลิกเพื่อชมตัวอย่างในซับภาษาอังกฤษ)
ภาพยนตร์จีนเรื่อง “Hi, mom” เป็นภาพยนตร์จีนแนวครอบครัวที่แฝงไปด้วยความคอมเมดี้ ชวนยิ้มตาม เขียนบทและกำกับโดยผู้กำกับพ่วงตำแหน่งนักแสดงนำของเรื่องอย่าง ‘เจี่ยหลิง’ (贾玲 รับบทเป็น “เจี๋ยเสี่ยวหลิง”) โดยนอกจากผู้กำกับหญิงมากความสามารถที่เหมาหลายหน้าที่แล้ว ในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้ 'จางเสียวเฝ่ย’ (张小斐 รับบทเป็น “หลี่ฮ่วนอิงวัยสาว”) และ ‘เฉินเถิง’ (沈腾 รับบทเป็น “เฉินกวงหลิน”) มาร่วมแสดงนำด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความพิเศษอยู่ตรงที่ว่า เนื่อเรื่องถูกดัดแปลงมาจากผลงานร่างตลกหรือที่เรียกกันว่า “สเก็ตช์คอมเมดี้” (Sketch comedy) ชื่อเดียวกันของผู้กำกับ ‘เจี่ยหลิง’ ในปี 2016 จุดเริ่มต้นของการสร้างเรื่องราวมาจากการเสียชีวิตของคุณ “หลี่ฮ่วนอิง” แม่ของเจี่ยหลิงในปี 2001 โดยหลังจากเจียหลิงเสียคุณแม่ไปและเริ่มเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เธอได้สร้างผลงานสเก็ตช์คอมเมดี้เรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณแม่ ทำให้ธีมหลักของเรื่องจะเน้นไปในเรื่องความรักและความผูกพันในครอบครัว
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “Hi,mom” เริ่มถ่ายทำกันตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนของปี 2019 และได้เข้าฉายในจีนแผ่นดินใหญ่ไปเมื่อช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา (วันที่ 12 ก.พ. 64) แม้จะไม่ได้เข้าฉายในช่วงเทศกาลวันแม่ของจีน (9 พ.ค. ของทุกปี) แต่กระแสการตอบรับจากผู้ชมก็ยังปังแบบสุด ๆ เห็นได้จากรายได้สุทธิในจีนที่พุ่งสูงไปถึง 5,413 ล้านหยวน (ราว ๆ 26,570 ล้านบาท) ทุบสถิติรายได้รวมของผลงานภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เคยเข้าฉายในจีนตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “ภาพยนตร์จีนที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์จีนจากแผ่นดินใหญ่” โดยเป็นรองก็แค่ภาพยนตร์จีนเรื่อง “กองพันหมาป่า 2” (战狼2) ในปี 2017 ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แค่ในจีนก็เล่นกวาดรายได้ไปถึง 5,694 ล้านหยวน (ราว ๆ 27,949 ล้านบาท)
และด้วยความที่ “Hi,mom” ทำรายได้พุ่งสูงขนาดนั้น ทำให้ ‘เจี่ยหลิง’ กลายมาเป็น "ผู้กำกับหญิงที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์จีนจากแผ่นดินใหญ่" และนอกเหนือจากความปังของเรื่องสถิติรายได้แล้ว หลังจากเข้าฉายไปได้เพียง 2 สัปดาห์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังได้รับรางวัล "ภาพยนตร์แห่งปี" ในงาน Weibo Night 2020 อีกด้วย
****ปล. เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ทางทีมงานของภาพยนตร์จีนเรื่อง "Hi, Mom" ได้ประกาศแผนการออกฉายในต่างประเทศ โดยในตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะมีประเทศไทยด้วยหรือไม่ ใครอยากชมก็อาจจะต้องรอลุ้นกันไปก่อนนะจ๊ะ