ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศจีนได้สูญเสียบุคคลผู้สร้างคุณูปการยิ่งใหญ่แก่ประเทศชาติและมวลมนุษย์อีกท่านหนึ่งคือ อู๋เมิ่งเชา(吴孟超) ศัลยแพทยโรคตับและระบบน้ำดี ผู้ถึงแก่กรรมในวัย 99 ปี ณ นครเซี่ยงไฮ้ เวลา 13.02น. เมื่อวันเสาร์ (22 พ.ค.)ที่ผ่านมา ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของ “หมอใจเทพหัตถ์เทวดา” ที่ยืนหยัดผ่าตัดคนไข้จวบจนถึงวัย 96 ปี !
อู๋ เมิ่งเชา เคยถูกฝรั่งตาน้ำข้าวยุคสงครามดูถูกเหยียบย่ำโดยไม่ยอมให้เขาเซ็นชื่อในเอกสารเดินทางและต้องพิมพ์ลายนิ้วมือเท่านั้น เมื่ออู๋ยืนยันจะเซ็นชื่อเจ้าหน้าที่จากชาติตะวันตกก็ตะคอกใส่ว่า “พวกชาติพันธุ์ผิวเหลือง คนป่วยเอเชีย เซ็นชื่อไม่ได้!” หนุ่มน้อยแซ่อู๋จึงตั้งปณิธานแน่วแน่นับจากวันนั้นว่าจะช่วยประเทศชาติให้ผงาดแข็งแกร่ง เพื่อที่จะไม่ถูกรังแก ถูกเลือกปฏิบัติโดยชาวต่างชาติอีก
ในที่สุด อู๋ เมิ่งเชา ได้จากโลกไปหลังจากที่ได้เห็นประเทศจีนผงาดเรืองอำนาจบนเวทีโลกแล้ว...ขณะที่ตัวเขา กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้ฉายาเป็น “บิดาแห่งการผ่าตัดตับและระบบน้ำดีแห่งจีน" นอกไปจากนี้หอดูดาวนานาชาติยังตั้งชื่อดาวเคราะห์น้อยดาวหนึ่งว่า “อู๋ เมิ่งเชา” (Wumengchao) เป็นบรรณาการแด่การอุทิศตัวของแพทย์ชาวจีนผู้อุทิศอย่างไร้เทียมทานผู้หนึ่ง
อู๋เมิ่งเชา นักวิชาการประจำสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน เป็นผู้บุกเบิกพัฒนาการผ่าตัดตับจนทำให้อัตราความสำเร็จในการผ่าตัดมะเร็งตับของประเทศจีนสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
นพ.อู๋ อุทิศตัวให้กับหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างไม่มีมโนทรรศน์เรื่องเวลาเลย ครั้งหนึ่งเลขาฯของนพ.อู๋ ได้กระซิบบอกกับผู้สื่อข่าวจีนที่ไปสัมภาษณ์ท่านในวัย 92 ปี ว่า “เมื่อท่านมาถึงหอผู้ป่วย จะไม่ออกมาแล้ว ท่านจะอยู่ที่นั่น”
เด็กชายจากครอบครัวยากจนผู้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วยสร้างเกียรติภูมิแด่ชาติบ้านเกิด
อู๋ เมิ่งเชา ถือกำเนิดเมื่อปี 1922 ในครอบครัวยากจน ที่อำเภอหมิ่นชิง มณฑลฝูเจี้ยน เมื่ออู๋อายุ 5 ขวบ ครอบครัวของเขาได้ย้ายไปอยู่ที่มาเลเซียเป็นแรงงานต่างถิ่นทำงานในอุตสาหกรรมยาง ในปี ค.ศ. 1940 อู๋ออกจากบ้านเดินทางคนเดียวกลับไปยังประเทศจีนซึ่งกำลังเผชิญศึกสงคราม เขาได้เข้าร่วมกองทัพปลดแอกประชาชนจีนต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่นผู้รุกราน
ระหว่างที่เดินทางมาถึง โฮจิมินห์ ซิตี้ ประเทศเวียดนาม เจ้าหน้าที่ศุลกากรฝรั่งเศสได้บอกให้อู๋พิมพ์ลายนิ้วมือแม้ว่าเขาอ่านออกเขียนได้และสามารถเซ็นชื่อเช่นเดียวกับผู้เดินทางชาวยุโรป เมื่ออู๋ยืนยันที่จะเซ็นชื่อ เจ้าหน้าที่ตระโกนใส่หน้าเขาว่า “พวกชาติพันธุ์ผิวเหลือง คนป่วยเอเชีย...เซ็นชื่อไม่ได้!”
“คำดูถูกเหยียดหยามนั้นติดแน่นในจิตใจในวิญญาณของผม”
“มันเป็นชั่วขณะที่ผมได้ตั้งปณิธานแน่วแน่จะช่วยประเทศชาติให้ผงาดแข็งแกร่ง เพื่อที่จะไม่ถูกรังแก ถูกเลือกปฏิบัติโดยชาวต่างชาติ” อู๋ กล่าวในการบรรยายแก่นักศึกษาครั้งหนึ่งในปี 2012
ระหว่างเส้นทางไปยังศูนย์บัญชาการ “กองทัพแดง” ในเมืองเหยียนอัน มณฑลส่านซีแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือจีน การเดินทางเต็มไปอุปสรรคอันหฤโหดผู้คนเจ็บป่วยล้มตาย อู๋ได้ตัดสินใจช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติโดยการหันมาศึกษาด้านการแพทย์ ในปี 1949 เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ถงจี้ (Tongji University School of Medicine) แห่งนครเซี่ยงไฮ้
นพ.อู๋ ทุ่มเทเวลาหลายสิบปีในการพัฒนาการผ่าตัดตับโดยใช้ความรู้จากหลายๆแหล่งทั้งเศษเสี้ยวความรู้ที่ได้จากการแปลวรรณกรรมวิทยาศาสตร์ จากการผ่าตัดครั้งใหญ่ๆ และจากการฝึกฝนนักศึกษานับร้อยๆคน ท่านอุทิศตัวให้กับการแพทย์มากว่า 70 ปี โดยเพิ่งปลดเกษียณในปี 2019 ในวัย 97 ปี พร้อมกับได้สร้างสถิติแพทย์ผ่าตัดที่ทำงานหนักยาวนานที่สุดในโลก
ในปี 2010 ศูนย์ดาวเคราะห์น้อยของหอดูดาวดาราศาสตร์สมิทโซเนียน (Minor Planet Center of the Smithsonian Astrophysical Observatory) ได้ตั้งชื่อดาวเคราะห์น้อย “asteroid 17606” ว่า “Wumengchao” เพื่อเป็นบรรณาการแด่คุณูปการในด้านการผ่าตัดตับของนพ.อู๋ เมิ่งเชา
ตลอดการทำงานในสายอาชีพที่ยาวนาน 75 ปี นพ.อู๋ทำการผ่าตัดมากกว่า 16,000 ครั้ง และได้ช่วยชีวิตไว้ได้เกือบ 20,000 ชีวิต เขาต้องใช้เวลายืนและทำงานหลายชั่วโมงในห้องผ่าตัดจนทำให้นิ้วมือนิ้วเท้าบางนิ้วพิการผิดรูปอย่างถาวร แต่ความพิการนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน เขายังทำการผ่าตัด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แม้ย่างเข้าสู่วัย 90 ปี ด้วยตระหนักว่า “เขาคือความหวังสุดท้ายของคนไข้หลายคน”
ขณะเดียวกัน อู๋เมิ่งเชาทุ่มเทให้กับการฝึกฝนคนรุ่นใหม่ “ลำพังความพยายามของผมไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ประชาชนจีนหลุดพ้นจากความป่วยไข้ ดังนั้นชีวิตที่เหลืออยู่ของผมก็หวังที่จะฝึกฝนอนุชนมาช่วยปรับปรุงเทคนิกการผ่าตัด”
“ ‘หัตถ์เทพ’ ที่สามารถประทานชีวิตใหม่ให้แก่คนป่วยและสิ้นหวังด้วยด้วยทักษะการผ่าตัดที่วิเศษจริงๆ” ฟาง หงฮุ่ย ผู้เขียนอัตชีวประวัติของอู่ เมิ่งเชา
เฉิง เย่ว์เอ๋อร์ พยาบาลผู้ทำงานกับ นพ.อู๋ เป็นเวลานาน 30 ปี บอกเล่าในปี 2018 ว่า นพ.อู๋ได้ทำการผ่าตัดเคสที่ยากมากเคสหนึ่งจนเหงื่อท่วมตัว แพทย์อาวุโสวัย 96 ปี นั่งอยู่บนเก้าอี้พลางพูดว่า “หากผมล้มในห้องผ่าตัด อย่าลืมเช็คเหงื่อให้ผมด้วย อย่าให้ใครมาเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อของผม”
“ผม อายุ 96 ปี ไม่สามารถทำงานทนทานได้เหมือนกับคนหนุ่มสาวแล้ว ดังนั้นผมจึงได้แต่ทำดีที่สุดในทุกนาทีที่ผมมีอยู่”
“ตราบเท่าที่ผมมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ผมจะยืนหยัดสู้กับมะเร็งตับจนนาทีสุดท้าย”
“การทำงานจนล้มในห้องผ่าตัด คือความสุขที่สุดของผม” อู๋เมิ่งเชา เคยกล่าวถึงอุดมคติของตน
ขณะนี้ ดวงวิญญาณของ อู๋เมิ่งเชา ได้ไปสถิตจรัสแสง ณ ดวงดาวที่โลกได้ตั้งชื่อว่า Wumengchao เพื่อเป็นบรรณาการแด่คุณูปการของนายแพทย์ “หัตถ์เทพ” แห่งจีน