xs
xsm
sm
md
lg

รักชาติกับประชาธิปไตยขัดแย้งกันไหม / หยาง ซิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจาก Pixabay
นายหยาง ซิน
อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูต สถานทูตจีนประจำประเทศไทย


เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการประจำของสภาผู้แทนประชาชนจีนแห่งชาติได้พิจารณาผ่านการแก้ไขวิธีการได้มาซึ่งผู้บริหารสูงสุดและสภานิติบัญญัติของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยตามหลักการ “ให้ผู้รักชาติปกครองฮ่องกง” เพื่อเป็นการปรับปรุงและพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของฮ่องกง สำหรับเรื่องนี้ ได้เกิดประเด็นคำถามว่า หลักการ “ให้ผู้รักชาติปกครองฮ่องกง” นั้น จะจำกัดการพัฒนาของประชาธิปไตยที่ฮ่องกงหรือไม่ คำตอบก็คือ ข้อกังวลนี้ไม่จำเป็นทีเดียว เพราะ การรักชาติ กับ ประชาธิปไตย ไม่ได้ขัดแย้งกัน

การรักชาติเป็นเงื่อนไขมาที่ต้องก่อนและเป็นปัจจัยที่ต้องรักษาไว้สำหรับประชาธิปไตย ให้ผู้รักชาติมาบริหารบ้านเมืองนั้น เป็นหลักปฏิบัติทั่วไปในนานาประเทศทั่วโลก สหรัฐอเมริกามีข้อกำหนดต้องเป็น “ผู้รักชาติ” สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน โดยกำหนดชัดเจนว่าผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นต้องไม่มีความบกพร่องในเรื่องความจงรักภักดี รัฐบาลกลางมีหน้าที่กำหนดกฎเกณฑ์การเลือกตั้งที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งนั้นจะเป็น “ผู้รักชาติ” ขณะเดียวกัน อังกฤษ เยอรมนี แคนาดา ออสเตรเลียและประเทศอื่น ๆ ก็ล้วนมีกฎหมายและข้อบังคับที่กำหนดให้เจ้าหน้ารัฐและสมาชิกสภานิติบัญญัติต้องมีความจงรักภักดีต่อมาตุภูมิเช่นกัน

รัฐบาลกลางของจีนมีความห่วงใยในประชาธิปไตยที่ฮ่องกงมากว่าใคร ๆทั้งนั้น ในช่วงเวลา 156 ปีที่ฮ่องกงเป็นอาณานิคมของอังกฤษ คำว่าประชาธิปไตยไม่เคยปรากฏในฮ่องกงเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้ว่าการฮ่องกงในอดีตล้วนมาจากการแต่งตั้งโดยรัฐบาลอังกฤษ และผู้แทนสภานิติบัญญัติส่วนใหญ่ก็ได้รับการแต่งตั้งโดยผู้ว่าการฮ่องกง ซี่งชาวฮ่องกงไม่มีสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย หลังจากฮ่องกงกลับคืนสู่มาตุภูมิในปี ค.ศ.1997 รัฐบาลกลางของจีนได้ยึดมั่นในกฎหมายพื้นฐานฮ่องกงและปฏิบัติตามการตัดสินใจของสภาผู้แทนประชาชนจีนแห่งชาติ ทำให้ฮ่องกงเกิดมีระบอบประชาธิปไตยในด้านต่าง ๆ อย่างเป็นลำดับโดยตามสภาพความเป็นจริง พี่น้องชาวฮ่องกงจึงมีเสรีภาพทั่วไปตามกฎหมาย มีสิทธิ์การเลือกตั้งและสิทธิในรับการเลือกตั้งตามกฎหมาย ฮ่องกงได้เริ่มกระบวนการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

อย่างที่เป็นการทราบไป ระบอบประชาธิปไตยของฮ่องกงได้ดำเนินการมาเป็นเวลาไม่นานนัก ยังคงมีข้อบกพร่องหลายประการด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มต่อต้านจีนป่วนฮ่องกงมักใช้ช่องโหว่และข้อบกพร่องในระบบการเลือกตั้งเพื่อสร้างสถานการณ์และความไม่สงบขึ้นมาบ่อยครั้ง พวกเขาจงใจใช้กระบวนการในทางที่ผิด ทำให้สภานิติบัญญัติไม่สามารถทำงานได้ ปฏิเสธแนวทางการเลือกตั้งทั่วไป และขัดขวางการพัฒนาประชาธิปไตยของฮ่องกง พวกเข้ายังได้สร้างความเกลียดชัง ปล่อยให้กลุ่มหัวรุนแรงใช้กำลังกับผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีอาวุธ เผาทำลายธงชาติและสัญลักษณ์ประจำชาติ นำความวุ่นวายสุดขีดมาสู่สังคมฮ่องกง พวกเขาได้ละเมิดกฎหมายอย่างเปิดเผย ปฏิเสธในการให้คำมั่นสัญญาที่จะจงรักภักดีต่อประเทศชาติ และยังร้องขอให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงและคว่ำบาตร เป็นการทำลายอำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรง

เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ มากมายของระบบการเลือกตั้งฮ่องกงได้โผล่ออกมา สภาผู้แทนประชาชนจีนแห่งชาติและคณะกรรมการประจำฯนั้น จึงได้ตัดสินใจใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญในการแก้ไขช่องโหว่ดังกล่าว เพื่อให้ผู้รักชาติปกครองฮ่องกง ฟื้นฟูระเบียบการตามรัฐธรรมนูญ เพิ่มประสิทธิภาพในการปกครอง และพัฒนาระบอบประชาธิปไตยในฮ่องกงอย่างเป็นลำดับ ให้ผู้รักชาติปกครองฮ่องกงนั้น ไม่ได้เป็นแนวทางปฏิบัติเพียงแต่ทางเดียวในสังคมการเมืองฮ่องกง คำว่ากลุ่มต่อต้านจีนป่วนฮ่องกงกับฝ่ายค้านนั้น ไม่ได้มีความหมายเท่าเทียมกัน ในกลุ่มฝ่ายค้านก็มีผู้รักชาติอยู่ ก็ยังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับการเลือกตั้งได้ตามกฎหมาย ฮ่องกงจะยังคงรักษาวัฒนธรรมทางการเมืองที่มีความหลากหลายและเปิดกว้างต่อไป

ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ประมาณ 70% ของชาวฮ่องกงที่ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยกับการตัดสินใจของสภาผู้แทนประชาชนจีนแห่งชาติ ในการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ 70 ประเทศได้ร่วมกันกล่าวเน้นย้ำในการสนับสนุนการดำเนินตามหลักการ “หนึ่งประเทศสองระบบ” ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เชื่อว่าหลักการ “ให้ผู้รักชาติปกครองฮ่องกง” จะทำให้สังคมฮ่องกงมีสันติภาพและเสถียรภาพในระยะยาวได้อย่างแน่นอน และจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยของฮ่องกงมีความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น