เมื่อเร็วๆนี้สำนักงานโบราณคดีจีนได้แถลงการขุดค้นครั้งล่าสุดในเขตโบราณคดี “ซานซิงตุย” ชื่อที่หมายถึง “ดอยสามดาว” ของมณฑลเสฉวนแห่งภาคตะวันตกเฉียงใต้จีน พร้อมนำโบราณวัตถุที่เก่าแก่ย้อนกาลเวลาไปไกลถึงยุคบรอนซ์ (Bronze Age) บางชิ้นมาโชว์ให้สาธารณะชม ครั้งนี้นักโบราณคดีพบโบราณวัตถุมากกว่า500 ชิ้น ซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึง 3,000 ปี
ขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าโบราณวัตถุที่ซานซิงตุย จะเป็น “จิ๊กซอว์หลักฐาน” ที่มาปะติดปะต่อเผยให้เห็นกำเนิดชนชาติจีน การค้นพบฯใหม่นี้ก็ได้ปลุกทฤษฎี “ซานซิงตุยเป็นแหล่งอารยธรรมมนุษย์ต่างดาว”
ในการขุดค้นเขตซากปรักหักพังซานซิงตุยครั้งแรกๆเมื่อหลายสิบปีก่อนสิ่งที่ทำให้ทีมนักโบราณคดีจีนพิศวงกันมากคือ หน้ากากบรอนซ์และหน้ากากทองคำจำนวนมากที่ล้วนมีลักษณะเค้าโครงหน้าแปลกประหลาด ไม่ว่าจะมองจากมุมใดก็ไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปเลย หน้ากากมีคิ้วใหญ่ ตาโปน จมูกโต ใบหูกาง ปากแบนกว้าง ทุกชิ้นเกือบไม่มีขากรรไกรล่าง บางคนมองว่าดูคล้ายรูปปั้นของชนเผ่าโบราณในแถบอเมริกาใต้ บางคนก็ว่าคล้ายมนุษย์ต่างดาวเสียด้วยซ้ำ!
แน่นอน เรื่องประหลาดพิสดารเช่นนี้ได้กลายเป็นประเด็นถกเถียงใหญ่ในโลกออนไลน์อีกครั้งหลังจากการแถลงการค้นพบใหญ่ที่ซานซิงตุยเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา
การขุดค้นครั้งล่าสุดที่ดำเนินการขุดค้นระหว่างปลาย 2019- พ.ค.20 นักโบราณคดีได้พบหน้ากากทองคำเพิ่มอีก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่าอาจเป็นหน้ากากของผู้ประกอบพิธีบวงสรวง
ผู้ที่ได้เห็นภาพหน้ากากที่พบในเขตวัฒนธรรมซานซิงตุย หลายคนชี้ว่ามันดูคล้ายกับมนุษย์ต่างดาวจากภาพยนตร์ อวตาร (Avatar) มากกว่าใบหน้าชาวจีน นับเป็นลักษณะที่ผ่าเหล่าผ่ากอไปเลย นอกจากนี้หุ่นที่พบในซานซิงตุยก็สร้างความพิศวงอย่างมาก จนสร้างจินตนาการไปไกลโพ้นถึงนอกโลก
“ซานซิงตุยเป็นอารยธรรมมนุษย์ต่างดาว?” ชาวเน็ตคนหนึ่งถาม
บางคนถามใกล้เข้ามาหน่อยว่า “มันอาจเป็นอารยธรรมอื่นที่มาจากอีกซีกโลก เช่น ตะวันออกกลาง”
ผู้อำนวยการสถาบันโบราณคดีของสถาบันสังคมศาสตร์จีน หวัง เว่ย รีบออกมาหยุดกระแสทฤษฎีอารยธรรมมนุษย์ต่างดาวในจีนยุคโบราณ โดยจัดแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติจีน หรือ CCTV “ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ที่ ซานซิงตุย เป็นอารยธรรมมนุษย์ต่างดาว
“หน้ากากที่มีตาโตๆผิดไปจากมนุษย์ทั่วไปนั้นเป็นเพราะผู้ประดิษฐ์ต้องการเลียนแบบใบหน้าของเหล่าทวยเทพ” หวังกล่าว
ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ซานซิงตุย เหล่ย อี้ว์ เข้าร่วมออกรายการด้วย ก็ให้ความเห็นคล้ายกัน
“ซานซิงตุยเป็นวัฒนธรรมที่มีสีสัน เจริญรุ่งเรืองมาพร้อมๆกับวัฒนธรรมจีน” เหล่ย กล่าว และว่า เขาเข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงคิดว่าศิลปวัตถุในซานซิงตุยนั้นเป็นมรดกตกทอดมาจากมนุษย์ต่างดาว ในการขุดค้นครั้งก่อนหน้านี้นอกจากหน้ากากจำนวนมาก ยังพบรูปปั้นรูปต้นไม้ ไม้เท้าทองคำ ซึ่งแตกต่างไปจากศิลปะจีนโบราณ ชนิดที่เรียกได้ว่า “ไม่ใช่(ศิลปะจีน)เลย”
เหล่ยกล่าวว่าศิลปะที่มีลักษณะเหมือนศิลปะต่างแดนเหล่านี้ แม้เป็นที่รู้จักดีในวงกว้างแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ขุดพบและนำมาแสดงต่อสาธารณะเป็นสัดส่วนแค่เพียงหยิบมือเดียวของคอลเลคชั่นซานซิงตุยทั้งหมด ศิลปะหลายชิ้นของซานซิงตุยจะช่วยให้แกะรอยอารยธรรมมนุษย์ได้ง่ายขึ้น
การขุดค้นซากปรักหักพังซานซิงตุยจากช่วงทศวรรษที่ 1980-1990 จนถึงปัจจุบัน โบราณวัตถุที่ขุดได้นับรวมได้มากกว่า 50,000 ชิ้น
กระแสหลักของข้อสันนิษฐานระบุว่าบริเวณเขตซากปรักหักพังซานซิงตุยที่กินอาณาบริเวณ 12 ตารางกิโลเมตรนี้ คืออาณาจักรสูโบราณ(蜀国) ที่เก่าแก่ย้อนยุคไปอย่างน้อย 4,800 ปี เป็นแหล่งอารยธรรมใหญ่ที่มีพิธีสักการะฟ้าดิน และบรรพบุรุษ อีกทั้งการสวดภาวนาขอความเจริญรุ่งเรืองและสันติภาพ.
*ชุดภาพประกอบโบราณวัตถุจากแหล่งวัฒนธรรมซานซิงตุย ในพิพิธภัณฑ์