เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ - เนื่องในวันสตรีสากล (8 มี.ค.) บทความในเซาท์มอร์นิงโพสต์ ได้รายงานว่าผู้หญิงมีส่วนสำคัญในการตอบสนองของโรคระบาด แต่โลกปัจจุบัน ยังมีผู้หญิงจำนวนน้อยเกินไปที่ก้าวขึ้นมามีอำนาจในการตัดสินใจในภาครัฐ
นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของวิกฤตโควิด -19 ในเอเชียแปซิฟิก ผู้นำสตรีได้แสดงความเป็นผู้นำที่แน่วแน่ในการขับเคลื่อนประเทศและชุมชนของตน ด้วยการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นการจัดการธุรกิจและครัวเรือน หรือยืนอยู่แนวหน้าในแนวรบสาธารณสุข
แต่ในระดับสูงสุดของการตัดสินใจและภาครัฐเราเห็นว่ายังไม่ได้ยินเสียงของผู้หญิงมากนัก ผู้นำทางการเมืองในภูมิภาคนี้ ยังเป็นผู้หญิงเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกมาก
นี่เป็นความเสียหายไม่เพียง แต่กับผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยรวมด้วย เพื่อให้การตอบสนองและการฟื้นฟูต่อการระบาดของโรคได้ผลอย่างแท้จริง และคำนึงถึงความต้องการของทุกคน เป็นเรื่องเร่งด่วนที่เราต้องติดตามความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในการเพิ่มขีดความสามารถของสตรี ในการตัดสินใจในเรื่องสาธารณะ
ในวันนี้ในขณะที่เราเฉลิมฉลองวันสตรีสากลเราให้เกียรติการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในเอเชียแปซิฟิกที่มักถูกมองข้าม สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นต่อความเสมอภาคทางเพศ และต่อคำมั่นสัญญาของเราในการสร้างความมั่นใจว่า ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงมีคุณค่าและมีอำนาจ
นอกจากนี้เรายังเฉลิมฉลองผู้หญิงที่เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่องในการต่อสู้กับโควิด -19 ในภูมิภาค การตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพของประเทศไทยต่อโควิด-19 นั้น ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณอาสาสมัครดูแลสุขภาพ ซึ่งล้วนเป็นสตรีมากกว่าหนึ่งล้านคน ที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการแจ้งให้คำแนะนำและดูแลผู้คนในชุมชนของตน
พวกเธอยังได้รับการฝึกอบรมเพื่อป้องกัน ตรวจจับและรายงานกรณีที่สงสัยของโรคติดต่อและไม่ติดต่อ ดังนั้นจึงเป็นหน่วยสำคัญยิ่งของรัฐบาลไทยในการจำกัดผลกระทบของการระบาด
ในอินเดียนักเคลื่อนไหวด้านสุขภาพทางสังคมที่ได้รับการรับรองหรือที่รู้จักกันดีในชื่อคนงาน ASHA ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของการตอบสนองการดูแลสุขภาพระดับชุมชนเป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด
บทบาทสำคัญของพวกเธอในการตอบสนองได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการอิสระ เพื่อการเตรียมการและการตอบสนองขององค์การอนามัยโลก ยังมีอีกหลายกรณีเช่นนี้ของผู้นำหญิงที่อยู่นอกเหนือระดับชุมชน
ในวันสตรีสากลปี 2021 เราเต็มไปด้วยความหวังว่าการระบาดของโรคโควิด -19 จะบรรเทาลงในไม่ช้า ด้วยการมองโลกในแง่ดีเราจึงเฉลิมฉลองความเป็นผู้นำความมีชีวิตชีวาและความยืดหยุ่นของผู้หญิงในทุกสังคมของเรา
ในขณะที่เราฟื้นตัวร่วมกันได้ดีขึ้นในโลกหลังโควิด -19 เราพร้อมร่วมกับครอบครัวของสหประชาชาติและพันธมิตรที่มุ่งมั่นของเรา - เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในภูมิภาคของเราสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่เท่าเทียมกันทางเพศมากขึ้นโดยที่ไม่มีผู้หญิงหรือเด็กผู้หญิงทิ้งไว้ข้างหลัง
ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา ผู้หญิงจำนวนมากขึ้นกลายเป็นผู้นำระดับสูงในรัฐบาลและในภาคเอกชน หญิงสาวจำนวนมากประสบความสำเร็จในฐานะผู้ประกอบการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และสร้างโอกาสสำหรับการรวมทางดิจิทัลและการเงิน
การเป็นตัวแทนของสตรีในรัฐสภาระดับชาติ หน่วยงานกำกับดูแลท้องถิ่นและตำแหน่งผู้บริหารได้รับการปรับปรุง แม้ว่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าที่ไม่สม่ำเสมอทั้งในประเทศและทั่วทั้งภูมิภาคบ่งชี้ว่า การบรรลุความเท่าเทียมกันทางเพศในการตัดสินใจถือเป็นความท้าทายที่สำคัญในเอเชียแปซิฟิก
ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันมีประมุขแห่งรัฐหรือรัฐบาลหญิงเพียงสามคนในเอเชียแปซิฟิก ในทุกประเทศมีผู้หญิงไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ยกเว้นนิวซีแลนด์ที่มากกว่า 40%
ผลการวิจัยล่าสุดของ ESCAP และ UN Women แสดงให้เห็นว่า การเป็นตัวแทนของผู้หญิงในรัฐสภาระดับชาติของภูมิภาคฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเกือบร้อยละ 13 ในปี 2543 เป็นร้อยละ 20 ในปี 2563 ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่เกือบร้อยละ 25
ผู้หญิงครองตำแหน่งผู้บริหารในภูมิภาคน้อยกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ในขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่เกือบ 30 เปอร์เซ็นต์
แม้จะมีความไม่เสมอภาคเหล่านี้ แต่ก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นการพัฒนาเชิงบวกบางประการที่ผู้นำในภูมิภาคนี้ กำลังดำเนินการเพื่อพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศ
ที่น่าสังเกตมากที่สุดคือ ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ได้ให้คำมั่นในปฏิญญาเอเชียแปซิฟิก ว่าด้วยการก้าวไปสู่ความเท่าเทียมทางเพศและการเพิ่มขีดความสามารถของสตรีในการทบทวนแพลตฟอร์ม Beijing Platform for Action ว่าด้วยความเป็นผู้นำของสตรีเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
คำประกาศเรียกร้องให้มีการดำเนินการที่ “ขจัดอุปสรรคและให้โอกาสสตรีทุกคนในการเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ เพื่อบรรลุการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่เท่าเทียมกัน มีสาระสำคัญการเข้าถึงความเป็นผู้นำและตำแหน่งระดับอาวุโสในทุกระดับและในทุกพื้นที่”