xs
xsm
sm
md
lg

“หนึ่งภาพ” ทรงพลังเหนือกาลเวลา…เล่าชีวิตหญิงแรงงานต่างถิ่นในจีน (มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ปามู่ หญิงชนชาติอี๋จากมณฑลเสฉวน ขณะเดินทางกลับบ้านเกิดช่วงวันหยุดตรุษจีนเมื่อปี 2010  ท่ามกลางชีวิตที่ยากลำบากของแรงงานต่างถิ่น นางปามู่สูญเสียลูกน้อยที่ยังแบเบาะไปถึงสองคนในปีเดียวกัน (แฟ้มภาพซินหัว)
ภาพหญิงจีน...มือหนึ่งอุ้มทารก...มือหนึ่งหิ้วกระเป๋าเป้...ที่หลังยังแบกกระสอบสัมภาระใบเบ้อเริ่ม เดินอยู่หน้าสถานีรถไฟหนานชาง มณฑลเจียงซี เพื่อเดินทางกลับบ้านเกิดในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนเมื่อ 11 ปีก่อน สะดุดตาและสร้างความสะเทือนใจแก่ผู้คนนับล้านทั่วโลก  นับเป็นภาพที่ทรงพลังที่สะกดให้ผู้คนหยุดมองและใคร่รู้ว่าชะตาชีวิตของสาวตัวเล็กๆที่แบกภาระอันแสนหนักอึ้งผู้นี้กับลูกน้อยของเธอเป็นอย่างไร?

“ผมไม่ได้เข้าไปขอข้อมูลไว้ติดต่อกลับ นั่นทำให้ผมรู้สึกเสียดายมาก” โจวเค่อ ช่างภาพประจำสำนักข่าวซินหัว ผู้บันทึกภาพทรงพลังนี้กล่าว “เราตามหาเธอมานาน 11 ปี จนกระทั่งก่อนเทศกาลตรุษจีนปีนี้เราพบเบาะแสว่าเธอเป็นหญิงกลุ่มชาติพันธุ์อี๋จากแคว้นปกครองตนเองเหลียงซาน มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ชื่อปามู่ อวี้ปู้มู่”

ภาพดังกล่าวถูกบันทึกเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2010 ระหว่างที่นางปามู่กำลังเดินทางกลับบ้านเกิด พร้อมลูกสาววัยทารก เพื่อฉลองเทศกาลตรุษจีนกับครอบครัว โดยปามู่จดจำได้ชัดเจนว่าการเดินทางจากเมืองหนานชางกลับบ้านเกิดในภูมิภาคเทือกเขาต้าเหลียงซานนั้นแสนเหนื่อยยาก เพราะต้องใช้เวลานานถึง 3 วัน 2 คืนเลยทีเดียว

“วันนั้นฉันแบกถุงกระสอบไว้บนหลัง หิ้วกระเป๋าอีกใบ และอุ้มลูกสาวด้วย ฉันใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟนานถึงสามวันกว่าจะกลับถึงบ้าน” นาง ปามู่ ย้อนความทรงจำ “มีคนถามฉันนะว่า ‘ทำไมต้องแบกขนข้าวของมากมายให้ยากลำบากทั้งที่อุ้มลูกอยู่’ ฉันตอบได้แค่ว่าเพราะ ‘บ้านฉันจนมากจนไม่มีทางเลือก’ แล้ว”

นาง ปามู่ วัย 32 ปี ใช้ชีวิตวัยเด็กอยู่บนภูเขาสูงชัน ไม่เคยเรียนหนังสือเหมือนเด็กสาวจำนวนมากในท้องถิ่น หลังจากแต่งงานเธอและสามีสร้างบ้านอยู่ที่เชิงเขาขณะนี้ไม่มีไฟฟ้า พร้อมผืนดินแห้งแล้งราวสองไร่ครึ่งไว้ปลูกข้าวโพด มะเขือเทศ และเมล็ดบักวีต จนกระทั่งมีลูกคนที่สองในปี 2009 นางปามู่ได้ตัดสินใจเดินทางไปหางานทำยังต่างถิ่น

เวลานั้นหญิงสาวได้งานที่โรงงานอิฐแห่งหนึ่งในเมืองหนานชางได้ค่าจ้างราว 500 หยวน (ราว 2,300 บาท) ต่อเดือน ทว่าชีวิตกลับประสบโชคร้ายซ้ำซ้อน ห้าเดือนหลังจากที่นางปามู่พาลูกสาวคนที่สองกลับบ้าน เด็กหญิงล้มป่วยและเสียชีวิต ส่วนลูกคนที่สามที่ลืมตาดูโลกในปี 2011 เพียงไม่กี่วันก็เสียชีวิต…


วันที่ลุกขึ้นยืน ลืมตาอ้าปากได้

ชะตาชีวิตครอบครัวของนางปามู่เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อรัฐบาลริเริ่มโครงการบรรเทาความยากจนในหมู่บ้านเถาหยวน ครอบครัวของนางปามู่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นครัวเรือนยากจนในปี 2014 และจัดสรรเงินอุดหนุนด้านที่อยู่อาศัย 40,000 หยวน (ราว 1.84 แสนบาท) ในปี 2018

นางปามู่และสามีจัดการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ด้วยเงินอุดหนุนก้อนดังกล่าวบวกกับเงินที่เก็บเล็กผสมน้อยอีก 70,000 หยวน (ราว 3.2 แสนบาท) ขณะเดียวกันปามู่มีลูกอีกสามคนซึ่งทั้งหมดคลอดที่โรงพยาบาลท้องถิ่นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมได้รับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อการรักษาพยาบาลและการศึกษา

สองสามีภรรยายังเริ่มต้นเพาะปลูกพืชสร้างรายได้จากสวนของตัวเอง อาทิ ใบยาสูบและผลไม้ พอพ้นฤดูกาลทำสวนทำไร่ ปามู่และสามีจะออกไปทำงานนอกหมู่บ้านเพื่อหารายได้พิเศษ โดยปีก่อนทั้งครอบครัวมีรายได้ถึง 100,000 หยวน (ราว 4.6 แสนบาท) ทำให้ชีวิตหลุดพ้นจากความยากจนสำเร็จส่วนลูกๆ ของปามู่ได้เรียนหนังสือที่โรงเรียนใกล้บ้าน

“ฉันหวังเห็นลูกๆ แข็งแรงปลอดภัย ตั้งใจเรียนหนังสือ และหางานทำด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ก้าวเดินไปข้างหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”นางปามู่ กล่าว

เรื่อง/ภาพโดยสำนักข่าวซินหัว




กำลังโหลดความคิดเห็น